ขอบฝั่งทะเลดาว
ฐานะทางบ้านของเธอก็มิใช่ว่าจะร่ำรวยเท่าใดนัก
พ่อกับแม่เธอแยกทางกันตั้งแต่เธอเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมต้นเท่านั้น
ปัญหาเหล่านี้ทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่มีความเข้มแข็งมากและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาตั้งแต่นั้น
..บางครั้งมันอาจจะสูงมากเกินไปจนเป็นเหตุให้เพื่อนหลาย ๆ
คนของเธอไม่ค่อยจะชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่
....พระอาทิตย์กำลังเริ่มเปลี่ยนทิศทางจากฟ้าฝั่งตะวันออก
...สุริยะฉายดวงกลมโตกลับเบนตระหง่านส่องรัศมีเจิดจ้าอยู่ตรงศรีษะของเธอพอดีหากแต่มีหลังคารถที่บังไว้ ...เท่านั้น
เที่ยงแล้วสินะ !
เธออุทานขึ้นอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเปิดกล่องข้าวที่เตรียมมาด้วยท่วงท่าที่ระมัดระวัง
เพื่อน ๆ หลายคนต่างร้องรำฮำเพลงกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็หลับเอียงซ้ายที ขวาที
บ้างก็นั่งจีบกันประหนึ่งว่าโลกนี้มีแค่เพียงเราสอง มันช่างดูโลกใบนี้มีความสุข
หวาน ซึ้งและครื้นเครงเสียนี่กระไร ผิดกับโลกของเธอ ...กิ่งสน
โลกที่คงมีแต่เธอเท่านั้นกระมังที่พอใจ
....พอใจกับโลกอันโดดเดี่ยวและอ้างว้าง
เดียวดายท่ามกลางตัวคนเดียงลำพังแบบนี้
รถวิ่งด้วยความเร็วร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงผ่านฝั่งถนนที่รายรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจี
บางต้นออกดอกบานสะพรั่งพร้อมจะออกมาต้อนรับกับแสงแห่งตะวันที่ขาวโพรนจัดจ้าอยู่ ณ
เวลานี้ บางต้นก็ไม่มีดอกซ้ำยังแล้งด้วยใบที่เขียวสดราวกับขาดน้ำมาหลายสิบวัน
เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทางที่รถวิ่งผ่านมา
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่สายตาของเธอก็ต้องสะดุดประหนึ่งว่าหลงในมนสะกดด้วยสิ่ง
ๆ หนึ่ง ภาพสะท้อนในแววตาเธอกลับแน่นิ่ง
สีนัยน์ตาเธอเริ่มแปรจากสีน้ำตาลใสระเรื่อเป็นสีฟ้าเจือ ๆ เปล่งประกายระยิบยับขึ้นฉับพลัน
หูของเธอที่เหนื่อยล้ามานานกับการฟังเสียงกลอง
เสียงฉิ่งของนักดนตรีมือสมัครเล่นอย่างไม่ขาดสายต้องตะลึงพรึงเพริดด้วยเสียงแห่งท้องทะเลยามคลื่นซัดโถมเข้าหาหาดแห่งท้องทะเลแทน
สุดเวิ้งน้ำทะเลช่างกว้างไกลนัก
เธอกวาดสายตาอีกครั้งเพื่อที่จะมองตามไปยังสุดริ้วชายฝั่งที่โค้งทอดตัวไปไกลสุดลูกหูลูกตานั้น
ทะเล...ช่างงดงามราวกับพระพรหมซึ่งสถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้ามาแต่งแต้มเนรมิตไว้ก็มิปาน.....
รถจอดแล้ว
เสียงเพื่อน ๆ
เฮฮาดังตึงตังขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเสียงรัวกลองที่ไม่เป็นจังหวะจะโคนเลยแม้แต่น้อยดังมาประสานกันเป็นระยะ
ๆ รุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันเรียวแหลมกล่าวบอกจุดประสงค์ว่าให้เวลาสิบนาทีเพื่อที่จะหอบสัมภาระทุกชิ้นเข้าไปเก็บไว้ในที่พักของแต่ละคนให้เรียบร้อย
..เธอเดิมตามกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งไปที่พัก แต่ดูท่าทางเพื่อน ๆ
เหล่านี้จะไม่สนใจในตัวเธอเลยสักนิด
....ในห้องพักเพื่อน
ๆ ต่างก็วิ่งกรูกันเพื่อที่จะแย่งเตียงซึ่งตั้งอยู่ในมุมที่ตนเองชอบแลปรารถนา
แต่กิ่งสนเธอไม่ปรารถนาที่จะเป็นฝ่ายเลือก
ขอเพียงแค่สักเตียงที่หลงเหลืออยู่เท่านั้นเธอก็พอใจแล้ว ถึงแม้เตียง ๆ
นั้นจะเป็นเตียงที่ไม่มีใครต้องการมันเลยก็ตาม
หลังจากเก็บสัมภาระของแต่ละคนเรียบร้อยแล้วการจัดกลุ่มก็เริ่มขึ้น
รุ่นพี่ผู้เป็นหัวหน้าของค่ายจัดการแบ่งกลุ่ม แบ่งหน้าที่ของแต่ละคน มันไม่แตกต่างอะไรกับค่ายลูกเสือหรือเนตรนารีเลยแม้แต่นิดเดียวเธอคิดใน ผิดอยู่ก็เพียงแต่พวกเรามีเวลาฟรีทามมากกว่าก็เท่านั้น กิ่งสนเธอถูกจัดให้อยู่กลุ่มลายครามหลังจากตั้งชื่อกลุ่มกันเป็นที่เรียบร้อย
แต่ดูเธอไม่ใคร่จะชอบใจที่จะอยู่กลุ่มนี้เพราะมีคน ๆ
หนึ่งซึ่งเธอไม่ค่อยจะชอบหน้าเขาเอาเสียเลยอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย กล่อมกรุง...ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสันทัด
ผมยาวเคลียไหล่
แม้เขาจะไม่กำยำดูแข็งแรงเพราะด้วยผิดที่ขาวละเอียดราวกับเม็ดนุ่นเพิ่งแตกออกจากฝักใหม่
ๆ
แต่ด้วยหน้าตาที่ตี๋สะอาดถูกสเป็คผู้หญิงหลาย ๆ คน ทำให้สาว ๆ
ที่เข้ามาใกล้ชิดเขายินยอมพร้อมที่จะมอบหัวใจให้ทันที
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนเกี้ยวพาราสีเธอพวกนั้นแม้แต่กระแอะกระแอมเดียวก็ตาม
สายตาทั้งคู่ต่างจ้องกันเขม็งโดยมิรู้ตัวด้วยสีหน้าที่แสดงความไม่ค่อยจะยินดีที่อยู่กลุ่มเดียวกัน
กล่อมกรุง..เขาก็ไม่ค่อยจะชอบกิ่งสนเช่นกันด้วยเพราะว่าเธอสวยและมีผู้ชายหลายต่อหลายคนตามจีบเธอเต็มไปหมด
อีกด้วยนิสัยที่แปลก ๆ กับการชอบเก็บตัวเงียบ ๆ และความมั่นใจในตัวเองสูงของเธอนี่เองกลับทำให้เขาคิดว่าเธอหยิ่ง ยโส
เกินที่เขาจะอาจเอื้อมขอเข้าไปคบแม้แต่จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม เขาก็มิบังอาจเอื้อม
...และแล้วสายตาคู่หนึ่งที่ทอดจ้องอยู่ในระดับเดียวกันก็พลันหลุดลอยไป
เธอเบือนหน้าหนีเขาราวกับเห็นสิ่งปฏิกูลน่าขยะแขยง ชายหนุ่มก็เช่นเดียวกัน เขาทำสีหน้าไม่พึงพอใจที่มีผู้หญิงมาค้อนขวับใส่แล้วทำหน้าตาไม่สู้ดีใส่เขา
..แต่เขาก็ได้เก็บอาการนั้นไว้ในใจ
รุ่นพี่กล่าวโปรแกรมรายการในคืนนี้พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักเพิ่มเติม
แผนผังและความปลอดภัยที่รุ่นน้องทุกคนพึงระวังให้ทราบ เสียงตรบมือเปาะแปะสองสามทีดังขึ้นพร้อมกับการแยกย้ายไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าในช่วงเวลาฟรีทามก่อนรอบกองไฟจะมาถึง
กิ่งสนเธอแยกตัวไปนั่งคนเดียวใต้ต้นมะพร้าวสูงตระหง่านต้นหนึ่งที่หลงเหลือกิ่งก้านอยู่ไม่เท่าไหร่ตามลำพังอย่างเป็นสุข
เธอเอนกายลงนั่งพิงกับลำต้นอันเรียวยาวที่เอนโน้มทอดตัวไปตามแนวฝั่งน้ำทะเล...มันดูแข็งแรงพอเหมาะพอเจาะกับรอบเอวอันบอบบางกระทัดรัดและแผ่นหลังที่สูงโร่งบางของเธอ ผิดกับคนอื่น ๆ
ที่เวลานี้เวลานี้พวกเขาคงกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกเฟ้นชุดโปรดสักชุดเพื่อเตรียมจะใส่มาร่วมงานปาร์ตี้รอบกองไฟในคืนนี้
ห้าโมงเย็นเศษ
ๆ เห็นจะได้เธอก้มมองดูเวลาจากหน้าปัดนาฬิกาเรือนละไม่กี่ร้อยที่สวมอยู่ที่ข้อมืออันเล็ก
คอด ของเธอ เธอละสายตาลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจอันแผ่นเบา
สายตาทั้งสองกลับเบิกโพลงจ้องลงไปในท้องทะเล
เกลียวคลื่นที่ม้วนมาแต่ไกลกลับคลายออกประหนึ่งมาล้อเล่นกระทบฝั่งเป็นครั้งคราวอยู่ไม่ขาดสาย
หน้าตาที่ยิ้มรื่นรับลมแห่งทะเลกลับมึนตึงขึ้นในฉับพลันเมื่อเธอได้เยินเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้น
มันเป็นเสียงของชายหนุ่ม สายตาเธอสอดส่องมองหาเจ้าของ ๆ เสียงนั้น
..ทันใดนั้นร่างอันสันทัดยาวโย่งกลับทิ้งตัวทรุดลงนั่งข้างกายเธอประหนึ่งว่าถ้าเขากอดเธอได้ก็จะกอดบีบเธอไว้แนบกับอกอันแน่นหนาให้สาแก่ใจเลยทีเดียว
คำทักทายผุดขึ้นจากปากของชายหนุ่ม
นั่งคิดถึงผู้ชายคนไหนของเธออยู่ล่ะ เขากล่าวเปรยประชด
เธอยังขรึมแต่แสดงสีหน้าอันไม่พอใจอย่างยิ่งไว้ข้างใน
เธอหันขวับไปมองเจ้าของเสียงนั้นอย่างหงุดหงิด กล่อมกรุง...เธอนึกชื่อนี้ขึ้นในใจเมื่อเห็นภาพใบหน้าอันหล่อเหลาขาวตี๋ราวกับพระเอกหนุ่มฮ่องกงของเขา เธอไม่แสดงสีหน้าจะตอบโต้แต่อย่างใด
เรียวปากเล็กเรือชมพูยังปิดสนิทประกบกันเหมือนอย่างเดิมที่มันเป็น
ชายหนุ่มพูดยียวนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับวางมือของเขาทาบลงบนมือของเธอที่ยันไว้กับผืนทรายที่แน่นิ่งอยู่
เธอฉุดมือออกพร้อมกับจ้องเขาตาเขม็ง ชายหนุ่มเองก็ไม่ยอมละสายตาลงเช่นกัน
เขากลับจ้องไปทั่วใบหน้าของเธอราวกับจะพินิจพิจารณาความงามอยู่พักใหญ่
หญิงสาวกลืนน้ำลายเฮือก ใบหน้าเริ่มแดงแสดด้วยความอาย
คุณก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น
ๆ ชายหนุ่มพูดใจกระเส่า
หญิงสาวทำหน้างงแต่ไม่กล้าหันมาสบนัยน์ตาตอบเพียงแต่ก้มหน้ามองผืนทรายตรงหน้าเท่านั้น
เหมือนยังไง
เสียงกังวานใสของเธอเอ่ยถามขึ้นแกมคาดคั้นจะเอาคำตอบ
ก็แอบชอบผม
ชายหนุ่มกล่าวเสียงยั่วยวนทำท่าก้มหน้าจะตามไปมองสบตาของเธอพร้อมกับรอฟังคำตอบ
ฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะมองคุณด้วยซ้ำ
คนหลงตัวเอง
หญิงสาวกล่าวตอบกระเดียดไปในทางสบประมาทเขาเล็กน้อย คุณมีดีอะไรที่ฉันจะต้องชอบ เธอกล่าวสมทบ
ชายหนุ่มเริ่มเดือดพล่านด้วยคำพูดที่ไร้น้ำใจของเธอ เขาคว้าแขนของเธอไว้กำจนแน่น
พร้อมกับเอียงใบหน้าอันโค้งมนไปซุกที่ซอกหูของเธอแล้วกระซิบเบา ๆ ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมมีดีอะไรผมก็ยินดีที่จะสาธิตให้คุณได้ทราบ
เธอตกใจถึงขีดสุดเพราะไม่คิดว่าคำพูดของเธอกลับทำให้เขาบ้าระห่ำขึ้นมาในทันที
เธอพยายามจะสะบัดเขาให้พ้นออกไปจากตัวขณะนั้น
แต่ทว่าร่างอันบอบบางเพียงน้อยนิดของสาววัยละอ่อนหรือจะทานแรงของชายหนุ่มได้
แผ่นหลังอันเรียวยาวแนบสนิทราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับลำต้นมะพร้าวที่เธออิงกายพิงอยู่ทำให้เธอไม่มีทางที่จะดิ้นหรือกรูดถอยไปไหนได้อีก
...หมดหนทางที่จะหนี
เขาจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางที่ฝ่ามืออันร้อนผ่าวหนาใหญ่จะใคร่ปล่อยข้อมืออันน้อยนิดของเธอให้หลุดออกไปในวินาทีนั้น
เธอหลับตาปี๋แต่ท่าทีดิ้นรนนั้นยังคงอยู่เขากลับเฉยดูเธอดิ้นอยู่อย่างนั้น
เธอลืมตาขึ้นมองด้วยท่าทีอันโกรธขึ้ง เขายิ้มเยาะราวกับผู้ชนะ
ต่างคนต่างมองกันด้วยทีท่าและสายตาคนละอย่าง มือเธอที่เคยพยายามสะบัดออกกลับชะงักงัน
หยุดนิ่งไม่ไหวติงหรือขัดขืน
เขาเริ่มโน้มตัวลงไปประหนึ่งว่าประสงค์จะเป็นเจ้าของเรียวปากอันระเรื่อที่เจือบางด้วยลิปติกสีชมพูดอ่อนของธอ
ใบหน้าของเขาใกล้เข้ามาทุกขณะ
แต่ใบหน้าที่เคยยิ้มเยาะหยันนั้นกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูจริงจังเต็มไปด้วยแรงแห่งปรารถนาแทน
เธอรวบรวมสติได้ตอนที่เขาเริ่มคลายฝ่ามือออกเล็กน้อยจากข้อมือของเธอ
เธอผลักเขาออกด้วยแรงอันน้อยนิดเต็มกำลังทันทีที่โอกาสมาถึง..แต่ก็ได้ไม่ไกลนัก
ก้นของเขากระเทกลงกับผืนทรายละเอียด
เขายิ้มมุมปากกระจับเมื่อเห็นเธอรีบวิ่งหนีลงน้ำทะเลไป
ร่างเธอกระแทกกับเกลียวคลื่นที่มีจุดมุ่งหมายจะซัดเข้าหาฝั่งหลายต่อหลายครั้ง
แต่เธอก็ยังดื้อดึงที่จะลงไป
ตะวันเริ่มอ่อนแรงแล้ว
ยามโพล้เพล้ช่างดูงดงามเสียจริง ท้องทะเลสีครามบรรเจิดเหมือนกับฉากละครเวทีฉากใหญ่ที่ประสมโรงด้วยเสียงดนตรีแห่งเกรียวคลื่นและลมแรงที่พัดมากระทบกับกิ่งมะพร้าวดังหวืด
ๆ อยู่ไหว ๆ
สีชาแห่งท้องฟ้าและสีครามแท่งท้องน้ำทำให้ดูบรรยากาศช่างเป็นใจกับหนุ่มสาวสองคนยิ่งนัก
เขายืนกอดอกทำทีหัวเราะเธออยู่ริมฝั่ง
เขาจ้องดูเธอที่ทำท่าว่ากลัวเขาจนงอหงอยเหมือนลูกแมวตกน้ำก็มิปาน
มือของเขาที่กอดอกอยู่เริ่มคลายออก
ขาของเขาเริ่มก้าวออกตรงปรี่ลงทะเลไป..เขาวิ่งตามเกลียวคลื่นที่กระทบฝั่งแล้วรั้งตัวย้อนกลับลงทะเลตามเดิมลูกหนึ่งลงไป
น้ำสีครามใสเริ่มครอบคลุมร่างของเขาทุกตารางนิ้วจากเอว หัวไหล่
จนกระทั่งเหลืออยู่แต่โคนผมที่เปียกแฉะโผล่พ้นอยู่เหนือน้ำเท่านั้น
เธอตกใจสุดขีดทำทีท่าว่าจะว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งในทันทีที่เห็นเขาตามลงน้ำมา
แต่มันสายไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มคว้าร่างเธอเอาไว้....ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบแต่สัมผัสดูอ่อนโยนของเขาทำให้ร่างกายเธอแข็งทื่อในฉับพลัน
ดวงตาทั้งสองคู่ต่างจับจ้องกันและกัน
ปลายผมยาวสลวยของเธอสยายไปตามผิวน้ำทะเลละเรื่อยไปถึงไหล่ของเขาราวกับว่าร่างกายของเขาและเธอในตอนนี้พร้อมที่จะรวมเป็นเนื้อเดียวกันฉันนั้น
คลื่นลูกใหญ่กำลังจะมาแต่เธอกลับไม่สังเกตเห็นมันได้ ตอนนี้เธอเหมือนกำลังตกอยู่ภายใต้มนสะกดแห่งสายตาของแวมไพซ์หนุ่ม
แต่เขารู้สึกตัวมีสติอยู่เสมอ คลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาท่วมศีรษะเธอกับเขา
..เขาจับไหล่เธอไว้แน่นแต่ก่อนที่คลื่นลูกโตจะลาซัดเข้าไปยังฝั่งเดิมเธอเพิงจะรู้สึกได้ว่ามีปลายริมฝีปากที่หยาบใหญ่ได้เข้ามาประกบกับริมฝีปากของเธอเข้าเสียแล้วโดยไม่ได้รับเชิญ
เธอนิ่งมองเขาแต่ทีท่าและหน้าตาของเขาทำทีเหมือนกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย
เธอตบหน้าเขาไปเต็มแรงพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่โมโหแต่แฝงเร้นไปด้วยความเขินอายในใจ
เขาไม่โต้ตอบยอมให้เธอทำตามใจแต่โดยดี เพราะเขาเองก็รู้ตัวว่าเขาได้ทำกริยาที่ไม่สมควรลงไป
แต่ความรู้สึกในใจของเขาตอนนั้มันมีแต่คำว่ารักอัดแน่นอยู่เต็มอกปานจะล้นทะลักออกมารวมเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำทะเลสีครามเสียให้ได้ เธอผละตัวออกจากเขาและว่ายน้ำเข้าฝั่งไปอย่างไม่สนใจใยดีเขาเลยแม้แต่น้อย เขานิ่งอึ้งภายนัยน์ตาของเขาตอนนี้คือเห็นเธอที่กำลังเปียงปอนเดินขึ้นหาดไปอย่างช้า
ๆ และก็ลับหายไปพร้อมกับเกลียวคลื่นลูกหนึ่ง...ลับตา.....
................................................................................................................................................................................
มิถุนายน คนเขียน