อบฝั่งทะเลดาว

 

เช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับการรอคอยของเธอ  กิ่งสนเด็กสาวที่เฝ้ารอให้ขอบฟ้าเปล่งประกายสีทองเจิดจ้า จรัสผ่านม่านใหญ่สีขาวขุ่นแห่งมวลเมฆนั้นเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  เสียงนกใหญ่นกเล็กคุยกันอยู่จุบจิบประหนึ่งว่าครอบครัวใหญ่กำลังสนทนากันท่ามกลางมื้อเช้าที่อบอุ่น หน้าร้อนแห่งเดือนเมษายนกำลังจะมาเยือน พระอาทิตย์ส่องแสงราวจักประกาศบอกให้รู้ว่าฤดูแห่งเหมันต์กำลังจะลาไป ...วันนี้เธอเตรียมตัวที่จะไปออกค่าย ณ ชายหาดหัวหินกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัย ขบวนรถบัสสามสี่คันจอดเรียงรายอยู่รอบคณะอักษรศาสตร์  นั่นแสดงว่าฤดูแห่งการออกค่ายมาเยือนแล้ว...อีกครั้ง

            านะทางบ้านของเธอก็มิใช่ว่าจะร่ำรวยเท่าใดนัก พ่อกับแม่เธอแยกทางกันตั้งแต่เธอเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมต้นเท่านั้น ปัญหาเหล่านี้ทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่มีความเข้มแข็งมากและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาตั้งแต่นั้น  ..บางครั้งมันอาจจะสูงมากเกินไปจนเป็นเหตุให้เพื่อนหลาย ๆ คนของเธอไม่ค่อยจะชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่  ....พระอาทิตย์กำลังเริ่มเปลี่ยนทิศทางจากฟ้าฝั่งตะวันออก ...สุริยะฉายดวงกลมโตกลับเบนตระหง่านส่องรัศมีเจิดจ้าอยู่ตรงศรีษะของเธอพอดีหากแต่มีหลังคารถที่บังไว้  ...เท่านั้น

“ที่ยงแล้วสินะ เธออุทานขึ้นอย่างแผ่วเบาพร้อมกับเปิดกล่องข้าวที่เตรียมมาด้วยท่วงท่าที่ระมัดระวัง เพื่อน ๆ หลายคนต่างร้องรำฮำเพลงกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็หลับเอียงซ้ายที ขวาที บ้างก็นั่งจีบกันประหนึ่งว่าโลกนี้มีแค่เพียงเราสอง มันช่างดูโลกใบนี้มีความสุข หวาน ซึ้งและครื้นเครงเสียนี่กระไร ผิดกับโลกของเธอ ...กิ่งสน โลกที่คงมีแต่เธอเท่านั้นกระมังที่พอใจ  ....พอใจกับโลกอันโดดเดี่ยวและอ้างว้าง เดียวดายท่ามกลางตัวคนเดียงลำพังแบบนี้

       ถวิ่งด้วยความเร็วร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงผ่านฝั่งถนนที่รายรอบไปด้วยต้นไม้เขียวขจี บางต้นออกดอกบานสะพรั่งพร้อมจะออกมาต้อนรับกับแสงแห่งตะวันที่ขาวโพรนจัดจ้าอยู่ ณ เวลานี้ บางต้นก็ไม่มีดอกซ้ำยังแล้งด้วยใบที่เขียวสดราวกับขาดน้ำมาหลายสิบวัน เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทางที่รถวิ่งผ่านมา  หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่สายตาของเธอก็ต้องสะดุดประหนึ่งว่าหลงในมนสะกดด้วยสิ่ง ๆ หนึ่ง ภาพสะท้อนในแววตาเธอกลับแน่นิ่ง สีนัยน์ตาเธอเริ่มแปรจากสีน้ำตาลใสระเรื่อเป็นสีฟ้าเจือ ๆ เปล่งประกายระยิบยับขึ้นฉับพลัน หูของเธอที่เหนื่อยล้ามานานกับการฟังเสียงกลอง เสียงฉิ่งของนักดนตรีมือสมัครเล่นอย่างไม่ขาดสายต้องตะลึงพรึงเพริดด้วยเสียงแห่งท้องทะเลยามคลื่นซัดโถมเข้าหาหาดแห่งท้องทะเลแทน สุดเวิ้งน้ำทะเลช่างกว้างไกลนัก เธอกวาดสายตาอีกครั้งเพื่อที่จะมองตามไปยังสุดริ้วชายฝั่งที่โค้งทอดตัวไปไกลสุดลูกหูลูกตานั้น   ทะเล...ช่างงดงามราวกับพระพรหมซึ่งสถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้ามาแต่งแต้มเนรมิตไว้ก็มิปาน.....

       ถจอดแล้ว เสียงเพื่อน ๆ เฮฮาดังตึงตังขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับเสียงรัวกลองที่ไม่เป็นจังหวะจะโคนเลยแม้แต่น้อยดังมาประสานกันเป็นระยะ ๆ รุ่นพี่คนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันเรียวแหลมกล่าวบอกจุดประสงค์ว่าให้เวลาสิบนาทีเพื่อที่จะหอบสัมภาระทุกชิ้นเข้าไปเก็บไว้ในที่พักของแต่ละคนให้เรียบร้อย ..เธอเดิมตามกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่งไปที่พัก แต่ดูท่าทางเพื่อน ๆ เหล่านี้จะไม่สนใจในตัวเธอเลยสักนิด

          ....นห้องพักเพื่อน ๆ ต่างก็วิ่งกรูกันเพื่อที่จะแย่งเตียงซึ่งตั้งอยู่ในมุมที่ตนเองชอบแลปรารถนา แต่กิ่งสนเธอไม่ปรารถนาที่จะเป็นฝ่ายเลือก     ขอเพียงแค่สักเตียงที่หลงเหลืออยู่เท่านั้นเธอก็พอใจแล้ว ถึงแม้เตียง ๆ นั้นจะเป็นเตียงที่ไม่มีใครต้องการมันเลยก็ตาม

       ลังจากเก็บสัมภาระของแต่ละคนเรียบร้อยแล้วการจัดกลุ่มก็เริ่มขึ้น รุ่นพี่ผู้เป็นหัวหน้าของค่ายจัดการแบ่งกลุ่ม แบ่งหน้าที่ของแต่ละคน “มันไม่แตกต่างอะไรกับค่ายลูกเสือหรือเนตรนารีเลยแม้แต่นิดเดียว”เธอคิดใน “ผิดอยู่ก็เพียงแต่พวกเรามีเวลาฟรีทามมากกว่าก็เท่านั้น”  กิ่งสนเธอถูกจัดให้อยู่กลุ่มลายครามหลังจากตั้งชื่อกลุ่มกันเป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเธอไม่ใคร่จะชอบใจที่จะอยู่กลุ่มนี้เพราะมีคน ๆ หนึ่งซึ่งเธอไม่ค่อยจะชอบหน้าเขาเอาเสียเลยอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย   ล่อมกรุง...ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสันทัด ผมยาวเคลียไหล่  แม้เขาจะไม่กำยำดูแข็งแรงเพราะด้วยผิดที่ขาวละเอียดราวกับเม็ดนุ่นเพิ่งแตกออกจากฝักใหม่ ๆ  แต่ด้วยหน้าตาที่ตี๋สะอาดถูกสเป็คผู้หญิงหลาย ๆ คน ทำให้สาว ๆ ที่เข้ามาใกล้ชิดเขายินยอมพร้อมที่จะมอบหัวใจให้ทันที แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนเกี้ยวพาราสีเธอพวกนั้นแม้แต่กระแอะกระแอมเดียวก็ตาม สายตาทั้งคู่ต่างจ้องกันเขม็งโดยมิรู้ตัวด้วยสีหน้าที่แสดงความไม่ค่อยจะยินดีที่อยู่กลุ่มเดียวกัน กล่อมกรุง..เขาก็ไม่ค่อยจะชอบกิ่งสนเช่นกันด้วยเพราะว่าเธอสวยและมีผู้ชายหลายต่อหลายคนตามจีบเธอเต็มไปหมด อีกด้วยนิสัยที่แปลก ๆ กับการชอบเก็บตัวเงียบ ๆ และความมั่นใจในตัวเองสูงของเธอนี่เองกลับทำให้เขาคิดว่าเธอหยิ่ง  ยโส เกินที่เขาจะอาจเอื้อมขอเข้าไปคบแม้แต่จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม เขาก็มิบังอาจเอื้อม ...และแล้วสายตาคู่หนึ่งที่ทอดจ้องอยู่ในระดับเดียวกันก็พลันหลุดลอยไป เธอเบือนหน้าหนีเขาราวกับเห็นสิ่งปฏิกูลน่าขยะแขยง ชายหนุ่มก็เช่นเดียวกัน เขาทำสีหน้าไม่พึงพอใจที่มีผู้หญิงมาค้อนขวับใส่แล้วทำหน้าตาไม่สู้ดีใส่เขา ..แต่เขาก็ได้เก็บอาการนั้นไว้ในใจ

       รุ่นพี่กล่าวโปรแกรมรายการในคืนนี้พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักเพิ่มเติม แผนผังและความปลอดภัยที่รุ่นน้องทุกคนพึงระวังให้ทราบ เสียงตรบมือเปาะแปะสองสามทีดังขึ้นพร้อมกับการแยกย้ายไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่าในช่วงเวลาฟรีทามก่อนรอบกองไฟจะมาถึง กิ่งสนเธอแยกตัวไปนั่งคนเดียวใต้ต้นมะพร้าวสูงตระหง่านต้นหนึ่งที่หลงเหลือกิ่งก้านอยู่ไม่เท่าไหร่ตามลำพังอย่างเป็นสุข เธอเอนกายลงนั่งพิงกับลำต้นอันเรียวยาวที่เอนโน้มทอดตัวไปตามแนวฝั่งน้ำทะเล...มันดูแข็งแรงพอเหมาะพอเจาะกับรอบเอวอันบอบบางกระทัดรัดและแผ่นหลังที่สูงโร่งบางของเธอ   ผิดกับคนอื่น ๆ ที่เวลานี้เวลานี้พวกเขาคงกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกเฟ้นชุดโปรดสักชุดเพื่อเตรียมจะใส่มาร่วมงานปาร์ตี้รอบกองไฟในคืนนี้

       ห้าโมงเย็นเศษ ๆ เห็นจะได้เธอก้มมองดูเวลาจากหน้าปัดนาฬิกาเรือนละไม่กี่ร้อยที่สวมอยู่ที่ข้อมืออันเล็ก คอด ของเธอ เธอละสายตาลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจอันแผ่นเบา สายตาทั้งสองกลับเบิกโพลงจ้องลงไปในท้องทะเล เกลียวคลื่นที่ม้วนมาแต่ไกลกลับคลายออกประหนึ่งมาล้อเล่นกระทบฝั่งเป็นครั้งคราวอยู่ไม่ขาดสาย หน้าตาที่ยิ้มรื่นรับลมแห่งทะเลกลับมึนตึงขึ้นในฉับพลันเมื่อเธอได้เยินเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้น มันเป็นเสียงของชายหนุ่ม สายตาเธอสอดส่องมองหาเจ้าของ ๆ เสียงนั้น ..ทันใดนั้นร่างอันสันทัดยาวโย่งกลับทิ้งตัวทรุดลงนั่งข้างกายเธอประหนึ่งว่าถ้าเขากอดเธอได้ก็จะกอดบีบเธอไว้แนบกับอกอันแน่นหนาให้สาแก่ใจเลยทีเดียว คำทักทายผุดขึ้นจากปากของชายหนุ่ม

       “นั่งคิดถึงผู้ชายคนไหนของเธออยู่ล่ะ” เขากล่าวเปรยประชด

       ธอยังขรึมแต่แสดงสีหน้าอันไม่พอใจอย่างยิ่งไว้ข้างใน  เธอหันขวับไปมองเจ้าของเสียงนั้นอย่างหงุดหงิด    กล่อมกรุง...เธอนึกชื่อนี้ขึ้นในใจเมื่อเห็นภาพใบหน้าอันหล่อเหลาขาวตี๋ราวกับพระเอกหนุ่มฮ่องกงของเขา  เธอไม่แสดงสีหน้าจะตอบโต้แต่อย่างใด เรียวปากเล็กเรือชมพูยังปิดสนิทประกบกันเหมือนอย่างเดิมที่มันเป็น ชายหนุ่มพูดยียวนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับวางมือของเขาทาบลงบนมือของเธอที่ยันไว้กับผืนทรายที่แน่นิ่งอยู่ เธอฉุดมือออกพร้อมกับจ้องเขาตาเขม็ง ชายหนุ่มเองก็ไม่ยอมละสายตาลงเช่นกัน เขากลับจ้องไปทั่วใบหน้าของเธอราวกับจะพินิจพิจารณาความงามอยู่พักใหญ่ หญิงสาวกลืนน้ำลายเฮือก ใบหน้าเริ่มแดงแสดด้วยความอาย

       “คุณก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ”  ชายหนุ่มพูดใจกระเส่า หญิงสาวทำหน้างงแต่ไม่กล้าหันมาสบนัยน์ตาตอบเพียงแต่ก้มหน้ามองผืนทรายตรงหน้าเท่านั้น

       “เหมือนยังไง” เสียงกังวานใสของเธอเอ่ยถามขึ้นแกมคาดคั้นจะเอาคำตอบ

       “ก็แอบชอบผม” ชายหนุ่มกล่าวเสียงยั่วยวนทำท่าก้มหน้าจะตามไปมองสบตาของเธอพร้อมกับรอฟังคำตอบ

       “ฉันไม่เคยคิดแม้แต่จะมองคุณด้วยซ้ำ คนหลงตัวเอง” หญิงสาวกล่าวตอบกระเดียดไปในทางสบประมาทเขาเล็กน้อย “คุณมีดีอะไรที่ฉันจะต้องชอบ” เธอกล่าวสมทบ

       ชายหนุ่มเริ่มเดือดพล่านด้วยคำพูดที่ไร้น้ำใจของเธอ  เขาคว้าแขนของเธอไว้กำจนแน่น พร้อมกับเอียงใบหน้าอันโค้งมนไปซุกที่ซอกหูของเธอแล้วกระซิบเบา ๆ  “ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมมีดีอะไรผมก็ยินดีที่จะสาธิตให้คุณได้ทราบ”

       เธอตกใจถึงขีดสุดเพราะไม่คิดว่าคำพูดของเธอกลับทำให้เขาบ้าระห่ำขึ้นมาในทันที เธอพยายามจะสะบัดเขาให้พ้นออกไปจากตัวขณะนั้น แต่ทว่าร่างอันบอบบางเพียงน้อยนิดของสาววัยละอ่อนหรือจะทานแรงของชายหนุ่มได้ แผ่นหลังอันเรียวยาวแนบสนิทราวกับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับลำต้นมะพร้าวที่เธออิงกายพิงอยู่ทำให้เธอไม่มีทางที่จะดิ้นหรือกรูดถอยไปไหนได้อีก ...หมดหนทางที่จะหนี เขาจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางที่ฝ่ามืออันร้อนผ่าวหนาใหญ่จะใคร่ปล่อยข้อมืออันน้อยนิดของเธอให้หลุดออกไปในวินาทีนั้น เธอหลับตาปี๋แต่ท่าทีดิ้นรนนั้นยังคงอยู่เขากลับเฉยดูเธอดิ้นอยู่อย่างนั้น เธอลืมตาขึ้นมองด้วยท่าทีอันโกรธขึ้ง เขายิ้มเยาะราวกับผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันด้วยทีท่าและสายตาคนละอย่าง มือเธอที่เคยพยายามสะบัดออกกลับชะงักงัน หยุดนิ่งไม่ไหวติงหรือขัดขืน เขาเริ่มโน้มตัวลงไปประหนึ่งว่าประสงค์จะเป็นเจ้าของเรียวปากอันระเรื่อที่เจือบางด้วยลิปติกสีชมพูดอ่อนของธอ ใบหน้าของเขาใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ใบหน้าที่เคยยิ้มเยาะหยันนั้นกลับกลายเป็นใบหน้าที่ดูจริงจังเต็มไปด้วยแรงแห่งปรารถนาแทน เธอรวบรวมสติได้ตอนที่เขาเริ่มคลายฝ่ามือออกเล็กน้อยจากข้อมือของเธอ เธอผลักเขาออกด้วยแรงอันน้อยนิดเต็มกำลังทันทีที่โอกาสมาถึง..แต่ก็ได้ไม่ไกลนัก ก้นของเขากระเทกลงกับผืนทรายละเอียด เขายิ้มมุมปากกระจับเมื่อเห็นเธอรีบวิ่งหนีลงน้ำทะเลไป ร่างเธอกระแทกกับเกลียวคลื่นที่มีจุดมุ่งหมายจะซัดเข้าหาฝั่งหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ยังดื้อดึงที่จะลงไป

       ะวันเริ่มอ่อนแรงแล้ว ยามโพล้เพล้ช่างดูงดงามเสียจริง  ท้องทะเลสีครามบรรเจิดเหมือนกับฉากละครเวทีฉากใหญ่ที่ประสมโรงด้วยเสียงดนตรีแห่งเกรียวคลื่นและลมแรงที่พัดมากระทบกับกิ่งมะพร้าวดังหวืด ๆ อยู่ไหว ๆ สีชาแห่งท้องฟ้าและสีครามแท่งท้องน้ำทำให้ดูบรรยากาศช่างเป็นใจกับหนุ่มสาวสองคนยิ่งนัก เขายืนกอดอกทำทีหัวเราะเธออยู่ริมฝั่ง เขาจ้องดูเธอที่ทำท่าว่ากลัวเขาจนงอหงอยเหมือนลูกแมวตกน้ำก็มิปาน มือของเขาที่กอดอกอยู่เริ่มคลายออก ขาของเขาเริ่มก้าวออกตรงปรี่ลงทะเลไป..เขาวิ่งตามเกลียวคลื่นที่กระทบฝั่งแล้วรั้งตัวย้อนกลับลงทะเลตามเดิมลูกหนึ่งลงไป น้ำสีครามใสเริ่มครอบคลุมร่างของเขาทุกตารางนิ้วจากเอว หัวไหล่ จนกระทั่งเหลืออยู่แต่โคนผมที่เปียกแฉะโผล่พ้นอยู่เหนือน้ำเท่านั้น เธอตกใจสุดขีดทำทีท่าว่าจะว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่งในทันทีที่เห็นเขาตามลงน้ำมา แต่มันสายไปเสียแล้ว ชายหนุ่มคว้าร่างเธอเอาไว้....ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบแต่สัมผัสดูอ่อนโยนของเขาทำให้ร่างกายเธอแข็งทื่อในฉับพลัน ดวงตาทั้งสองคู่ต่างจับจ้องกันและกัน ปลายผมยาวสลวยของเธอสยายไปตามผิวน้ำทะเลละเรื่อยไปถึงไหล่ของเขาราวกับว่าร่างกายของเขาและเธอในตอนนี้พร้อมที่จะรวมเป็นเนื้อเดียวกันฉันนั้น คลื่นลูกใหญ่กำลังจะมาแต่เธอกลับไม่สังเกตเห็นมันได้ ตอนนี้เธอเหมือนกำลังตกอยู่ภายใต้มนสะกดแห่งสายตาของแวมไพซ์หนุ่ม แต่เขารู้สึกตัวมีสติอยู่เสมอ คลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาท่วมศีรษะเธอกับเขา ..เขาจับไหล่เธอไว้แน่นแต่ก่อนที่คลื่นลูกโตจะลาซัดเข้าไปยังฝั่งเดิมเธอเพิงจะรู้สึกได้ว่ามีปลายริมฝีปากที่หยาบใหญ่ได้เข้ามาประกบกับริมฝีปากของเธอเข้าเสียแล้วโดยไม่ได้รับเชิญ เธอนิ่งมองเขาแต่ทีท่าและหน้าตาของเขาทำทีเหมือนกับว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย  เธอตบหน้าเขาไปเต็มแรงพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่โมโหแต่แฝงเร้นไปด้วยความเขินอายในใจ เขาไม่โต้ตอบยอมให้เธอทำตามใจแต่โดยดี เพราะเขาเองก็รู้ตัวว่าเขาได้ทำกริยาที่ไม่สมควรลงไป แต่ความรู้สึกในใจของเขาตอนนั้มันมีแต่คำว่ารักอัดแน่นอยู่เต็มอกปานจะล้นทะลักออกมารวมเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำทะเลสีครามเสียให้ได้  เธอผละตัวออกจากเขาและว่ายน้ำเข้าฝั่งไปอย่างไม่สนใจใยดีเขาเลยแม้แต่น้อย  เขานิ่งอึ้งภายนัยน์ตาของเขาตอนนี้คือเห็นเธอที่กำลังเปียงปอนเดินขึ้นหาดไปอย่างช้า ๆ และก็ลับหายไปพร้อมกับเกลียวคลื่นลูกหนึ่ง...ลับตา.....

 

................................................................................................................................................................................

ปรดติดตามตอนต่อไป

มิถุนายน คนเขียน

23 มิถุนายน 2544

                                                              กลับไปหน้าต้นน้ำ

      

1