พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์
ธรรมรักษา
TPD044
สมัยนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว
พระเจ้าอุเทนกับพระมเหสี ประทับอยู่ในพระราชอุทยาน พร้อมด้วยบริวารพระมเหสี
ได้ปลีกพระองค์ เข้าไปหาพระอานนท์ เมื่อฟังธรรมแล้ว จึงถวายผ้าห่ม ๕๐๐ ผืน
พระเจ้าอุเทนทรงทราบ จึงติเตียนว่าพระโลภมาก
คิดจะตั้งร้านขายผ้าหรืออย่างไร? จึงเสด็จไปหาพระอานนท์ ตรัสถามว่า
ผ้าตั้ง ๕๐๐ ผืน
ท่านจะเอาไปทำอะไร?
อาตมาจะแจกจ่ายแก่พระ
ที่มีจีวรคร่ำคร่า
แล้วจีวรที่คร่ำคร่าล่ะ
ท่านจะทำอย่างไรต่อไป?
อาตมาจะทำเป็นผ้าดาดเพดาน.
ถ้าผ้าดาดเพดานคร่ำคร่าล่ะ
ท่านจะใช้ทำอะไร?
อาตมาจะใช้ทำเป็นผ้าปูฟูก
ถ้าผ้าปูฟูกคร่ำคร่าล่ะ
ท่านจะใช้ทำอะไร?
อาตมาจะใช้ทำเป็นผ้าปูพื้น
ถ้าผ้าปูพื้นคร่ำคร่าล่ะ
ท่านจะใช้ทำอะไร?
อาตมาจะใช้ทำเป็นผ้าเช็ดเท้า
ถ้าผ้าเช็ดเท้าคร่ำคร่าล่ะ
ท่านจะใช้ทำอะไร?
อาตมาจะใช้ทำเป็นผ้าเช็ดฝุ่น
ถ้าผ้าเช็ดฝุ่นคร่ำคร่าล่ะ
ท่านจะใช้ทำอะไร?
อาตมาจะขยำกับโคลน
แล้วฉาบทาฝากุฏิ มหาบพิตร
ในที่สุดพระเจ้าอุเทนเกิดความเลื่อมใส
น้อมถวายผ้าอีก ๕๐๐ ผืน
พระวินัย ๗/๓๑๓
ความประหยัดนั้น ใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม
ใช้ได้ทุกกาลทุกสมัย แถมมีแต่ผลดีโดยส่วนเดียว จึงควรที่จะรีบปลูกฝังความประหยัด
ลงในจิตใจของเด็ก เสียแต่เมื่อยังเล็ก ถ้ามาสอนกันเมื่อโตก็มักจะสายไป
กลายเป็นไม้แก่ดัดยาก
ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ คนเกิดมากกว่าคนตาย
ความหนาแน่นของผู้คนพลเมือง ทำให้ขาดแคลนสิ่งของบริโภคและใช้สอย ถ้าไม่รู้จักคำว่า
ประหยัด รู้จักแต่คำว่า ซื้อลูกเดียว ก็จะต้องตกเป็นทาสของ เงิน
ตลอดไป จนหาความสุขในชีวิตไม่ได้
ดังนั้น ความประหยัด
จึงก่อคุณให้ทั้งส่วนตัว ส่วนรวม ตลอดถึงความมั่นคงของประเทศชาติ รวมทั้งศาสนาด้วย.