พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์
ธรรมรักษา
TPD038
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารบุพพาราม เมืองสาวัตถี พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป
วันนั้นเป็นวันอุโบสถขึ้น ๑๕ ค่ำ ภิกษุสงฆ์นั่งนิ่งประชุมพร้อมกันอยู่
พระพุทธองค์ได้ตรัสท่ามกลางหมู่สงฆ์ว่า
ภิกษุทั้งหลาย! บัดนี้เราขอปวารณาแด่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะไม่ติเตียนการกระทำอะไร ๆ
ที่แสดงออกทางกายหรือทางวาจาของเราบ้างหรือ?
ที่ประชุมสงฆ์เงียบสงบ ขณะนั้นพระสารีบุตรลุกขึ้น
ทำผ้าห่มเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง แล้วประนมอัญชลีไปทางพระพุทธเจ้ากราบทูลขึ้นว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ข้าพระองค์ทั้งหลายจะติเตียนการกระทำอะไร ๆ
ของพระองค์ที่เป็นไปทางพระกายและพระวาจามิได้เลย เพราะพระองค์เป็นผู้ตัดทาง
ทรงเป็นผู้บอกทาง ทรงรู้แจ้งทาง ทรงฉลาดในทาง สาวกทั้งหลายเป็นผู้เดินตามทางของพระองค์
บัดนี้แลขอปวารณาแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคจะไม่ทรงติเตียนการกระทำอะไร ๆ
อันเป็นไปทางกายหรือวาจาของข้าพระองค์บ้างหรือ?
พระพุทธเจ้าทรงตรัสชมพระสารีบุตร
ว่าเป็นบัณฑิต มีปัญญาว่องไว เป็นธรรมบุตรของพระองค์.
ปวารณาสูตร ๑๕/๒๖๕
พระสูตรนี้น่าคิดมาก ก็ขนาดพระพุทธเจ้า
ทรงเป็นถึงศาสดาเอก เหนือเทวดาและมนุษย์ทั้งปวง เหนือบุญเหนือบาปแล้ว
ยังทรงเปิดโอกาสให้สาวก ชี้ขุมทรัพย์ ได้ก็แล้วคนอย่างเรา
ที่เต็มไปด้วยกิเลสหนาตัณหาจัด จะไม่มีโทษใด ๆ เลยหรือ?
พระสูตรนี้จะเป็นบทเรียนที่ดี
สำหรับผู้ที่หลงลืมตนว่าจะทำอะไรไม่ผิด หรือผู้มีหน้าที่ปกครองผู้อื่น
ควรจะได้ย้อนดูตนเอง หรือเปิดโอกาสให้ผู้น้อย ได้ ชี้ขุมทรัพย์
ให้แต่ตนบ้าง ความเจริญก็ย่อมจะเกิดแก่ตนและส่วนรวมอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ถ้าเรายังระลึกได้ว่า เรายังมีกิเลสตัณหาอยู่ ก็ขนาดผู้ที่หมดกิเลสตัณหาแล้ว
ยังทรงเปิดโอกาสให้ผู้อื่นชี้โทษได้.