พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์
ธรรมรักษา
TPD031
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
เมืองสาวัตถี พระมหากัสสป ได้กราบทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรเป็นเหตุ
ที่เมื่อก่อนบทบัญญัติพระวินัยมีน้อย แต่พระอรหันต์มีมาก ในปัจจุบันสิกขาบทมีมาก
แต่พระอรหันต์กลับมีน้อย?
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า
กัสสป! ข้อนั้นเป็นอย่างนี้
เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น
พระอรหันต์จึงมีน้อยลง เหตุดังนี้ เพราะเกิดสัทธรรมปฏิรูป คือ
สัทธรรมปลอมหรือเทียมขึ้น สัทธรรมแท้จึงเลือนหายไป
กัสสป! ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ก็ไม่อาจทำให้สัทธรรมเลือนหายไปได้
แต่โมฆบุรุษในโลกนี้ต่างหาก ที่ทำให้สัทธรรมเลือนหายไป
กัสสป! เหตุ ๕ อย่าง ที่ทำให้พระสัทธรรมเลือนหาย คือ ภิกษุ
ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ไม่เคารพในพระศาสดา ๑ ไม่พระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑
ในการศึกษา ๑ ในสมาธิ ๑
กัสสป! ถ้าภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
มีความเคารพยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในการศึกษา และในสมาธิแล้ว
พระสัทธรรมจะตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน และไม่เลือนหายไป.
สัทธรรมปฏิรูปกสูตร ๑๖/๒๔๖
พระสูตรนี้ ทรงแสดงถึงเหตุที่จะให้พระสัทธรรมเสื่อมไว้ ๒ ประเด็น คือ เกิดจากโมฆบุรุษ และเกิดจากพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ด้วยกันเองทำให้เสื่อม
เกิดจากโมฆบุรุษ
คือ คนเปล่า คนโง่เขลา หรือคนที่ไม่มีสารประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
คนพวกนี้เข้าไปอยู่ในที่ไหน ก็จะทำให้หมู่คณะนั้นเสื่อม
เกิดจากพุทธบริษัท คือ คนภายในศาสนานี้เอง เป็นผู้ที่ทำลายเสียเอง
เปรียบเหมือนขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ หรือลูกกล้วยฆ่าต้นกล้วย ฉะนั้น
ทางที่พุทธบริษัทจะทำลายพระสัทธรรมก็คือ
ความไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ในการศึกษาพระธรรม
และในการปฏิบัติสมาธิ ซึ่งก็รวมถึงการเจริญวิปัสสนาด้วย
ซึ่งก็แน่นอนล่ะ ก็ขนาดคนในศาสนา
ยังไม่เคารพไม่ยำเกรงแล้ว จะให้ใครย่ำเกรงเล่า ชาวพุทธสังวรข้อนี้ไว้ให้มาก