พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์
ธรรมรักษา
TPD021
พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
เมืองสาวัตถี ได้ตรัสเล่าถึงสงครามระหว่างเทวดากับอสูร ในการทำสงครามนั้น
ถ้าเกิดความสะดุ้งหวาดกลัวขึ้น ท่านแนะให้ดูยอดธงของหัวหน้าเทวดา
แล้วความหวาดกลัวจะหายไป
ครั้นแล้ว ได้ทรงแนะวิธีแก้ความกลัว สำหรับภิกษุผู้บำเพ็ญสมณธรรมในป่าว่า
ภิกษุทั้งหลาย! หากความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี
ความขนพองสยองเกล้าก็ดี พึงบังเกิดขึ้นแก่พวกเธอผู้อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่โคนไม้ก็ดี
อยู่ในเรือนว่างก็ดี ที่นั้นพวกเธอพึงตามระลึกถึงเรา ถึงตามระลึกถึงธรรม
ถึงตามระลึกถึงพระสงฆ์ เพราะเมื่อเธอระลึกถึงเรา ระลึกถึงพระธรรม
และระลึกถึงพระสงฆ์ ความกลัว ความหวาดสะดุ้งจะหายไป
เพราะว่าพระตถาคตเป็นผู้หมดราคะ โทสะ และโมหะ จึงไม่กลัว ไม่หวาด ไม่สะดุ้ง
และไม่หนี
ธชัคคะสูตร ๑๕/๓๐๔
ความหวาดกลัวเกิดจากความหวั่นไหวทางจิต
ถ้าจิตมีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจในคุณธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
ย่อมระงับความหวาดได้ ภิกษุมีศีลบริสุทธิ์ ย่อมไม่หวาดกลัว
ผู้เสียสละไม่เห็นแก่ตัว ไม่มีความยึดถือมั่น ก็ไม่มีความกลัว
ในทางโลก
ผู้ที่มีความรักในระหว่างเพศรุนแรง ผู้มีความโกรธรุนแรง หรือมีความหลงงมงาย
ก็ย่อมจะไม่หวาดกลัวต่อภัยอันตรายใด ๆ
แม้ผู้มีกิเลสและตัณหายังบรรเทาความหวาดกลัวได้ ไฉนผู้หวังคุณธรรมเบื้องสูง
จะละความหวาดกลัวไม่ได้เล่า
พระสูตรนี้ ทรงแนะให้ยึดเอาคุณของพระพุทธเจ้า
พระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวพุทธเรา
โดยปกติเราก็มีศรัทธาต่อคุณพระทั้ง ๓ อยู่แล้ว แต่เมื่อตกอยู่ระหว่างความหวาดกลัว
เราก็จะต้องระลึกให้มาก และให้มั่นเข้าไว้ ก็จะระงับความหวาดกลัวได้แน่นอน
ถ้ายังไม่หายอีก ก็ลองสละตัวตนดูสิ
ถอนความยึดถือในตัวตนของตนออกให้หมด ให้จิตได้สัมผัสกับความว่าง
คือว่างจากตัวตนและของ ๆ ตน ขอให้ทำจิตให้ว่างจริง ๆ เถอะ
รับรองว่าหายหวาดกลัวได้จริง ๆ
มีความคิดไม่มีปัญญาก็เดือดร้อน มีปัญญาแต่ไม่มีสติกำกับก็ฟุ้งซ่าน