พระไตรปิฏกฉบับ ดับทุกข์

ธรรมรักษา

                TPD020

 

วิธีแก้ความกลัว

 

พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี พราหมณ์ชาณุโสณี ได้เข้าไปเฝ้าและทูลถามปัญหาว่า ภิกษุอยู่ในที่สงบสงัดในป่า หรือ ป่าเปลี่ยวและโดดเดี่ยว ยากที่จะอยู่ได้ หรือ ยากที่จะทำจิตให้เป็นสมาธิได้

 

            พระพุทธเจ้าทรงเล่าความหลังของพระองค์ ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ก่อนที่จะได้ตรัสรู้ว่า ทรงเคยอยู่ในป่าและป่าเปลี่ยวมาแล้ว แต่เพราะทรงมีกาย วาจา และใจ สะอาดสุจริต มีราคะและนิวรณ์ ๕ สงบระงับแล้ว จึงไม่มีความหวาดกลัวแล้ว หรือเกิดความหวาดกลัว เมื่ออยู่ในป่าหรือป่าเปลี่ยวเช่นกัน

 

            ในตอนท้ายสูตร พระพุทธองค์ทรงเล่าเป็นเชิงแนะการแก้ความหวาดกลัวว่า

 

            ถ้าความหวาดกลัวเกิดขึ้นในขณะที่กำลังเดินอยู่ จะไม่ทรงยืน ไม่ทรงนั่ง และไม่ทรงนอนเลย จะทรงเดินจนกว่าความหวาดกลัวจะหายไป

 

            ถ้าความหวาดกลัวเกิดขึ้นในขณะที่กำลังยืนอยู่ จะไม่ทรงเดิน ไม่ทรงนั่ง และไม่ทรงนอนเลย จะทรงยืนจนกว่าความหวาดกลัวจะหายไป

 

            ถ้าความหวาดกลัวเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนั่งอยู่ จะไม่ทรงนอน ไม่ทรงยืน และไม่ทรงเดินเลย จะทรงนั่งอยู่จนกว่าความหวาดกลัวจะหายไป

 

            ถ้าความหวาดกลัวเกิดขึ้นในขณะที่กำลังนอนอยู่ จะไม่ทรงนั่ง ไม่ทรงยืน และไม่ทรงเดินเลย จะทรงนอนอยู่จนกว่าความหวาดกลัวจะหายไป

 

ภยเภรวสูตร ๑๒/๒๖-๓๒

 

            พระสูตรนี้ ทรงแสดงว่าผู้ที่ไม่มีความบริสุทธิ์ทาง กาย วาจา และใจ เป็นผู้ทุศีล มีความปรารถนาลามก หลังลาภยศชื่อเสียง แล้วหลบเข้าไปอยู่ในป่าหรือป่าเปลี่ยว เพื่อหวังความนิยมเป็นคนขลัง หรือเพื่อเรียกร้องศรัทธา

            บุคคลประเภทนี้ ย่อมเรียกร้องความหวาดกลัว หรือภัยอันเกิดจากป่าและป่าเปลี่ยวได้ร้อยแปด

            ส่วนผู้ที่มีจิตใจเสียสละ ลาภ ยศ สรรเสริญ ได้อย่างแท้จริงแล้ว ย่อมจะไม่มีความหวาดกลัวสิ่งใด ๆ เลย แม้จะเกิดขึ้นบ้างบางครั้ง เพราะจิตยังไม่หลุดพ้น ก็สามารถจะระงับและข่มความหวาดกลัวได้ โดยอาศัยบารมีธรรมช่วย ที่ตนได้ประพฤติมาดีแล้ว เป็นต้น

            การระงับความกลัว ด้วยวิธีหนามยอกเอาหนามบ่งคือ เมื่อเกิดความหวาดกลัวขึ้นในอิริยาบถใด ๆ ก็ให้อยู่ในอิริยาบถนั้น ๆ จนกว่าจะหายหวาดกลัวจึงค่อยเปลี่ยนไปอิริยาบถอื่น ถ้าไม่หายก็ไม่เปลี่ยน ผู้ที่มีความกลัวน่าจะลองเอาไปปฏิบัติดู

            อันความกลัวใด ๆ ของมนุษย์ในโลกนี้ ที่จะยิ่งไปกว่าความตายเป็นไม่มีแล้ว เมื่อคนเราสามารถปลงภาระในความตายของตนได้แล้ว ความกลัวในสิ่งอื่นย่อมจะหมดไปเอง เพราะสิ่งใด ๆ ในโลกล้วนแต่สิ้นสุดลงที่ความตายทั้งสิ้น

            ดังนั้น การเจริญมรณัสสติ คือการระลึกถึงความตาย จึงเป็นอุบายหนึ่งในหลายอย่าง ที่จะช่วยบรรเทาความหวาดกลัวได้อย่างดี ข้อสำคัญคือจะต้องทำให้จริงจัง และทำอยู่สม่ำเสมอ

            เมื่อเรากำจัดความกลัวตายลงได้เพียงอย่างเดียว ความกลัวสายอื่น ๆ ก็กลายเป็นเรื่องเล็กไปหมด เพราะความตายมันเป็นความสิ้นหวังของทุกสิ่งในโลก

 

ภิกษุอยู่รูปเดียว เป็นเหมือนพรหม

อยู่สองรูป เป็นเหมือนเทวดา

อยู่ด้วยกันมากากว่าสามรูปขึ้นไป เป็นเหมือนชาวบ้าน

ย่อมมีแต่ความโกลาหลมากขึ้น

ฉะนั้น ภิกษุจึงควรอยู่แต่ผู้เดียว

ยถา พฺรหฺมา ตถา เอโก     ยถา เทโว ตถา ทุเว

ยถา คาโม ตถา ตโย        โกลาหลํ ตตุตฺตรํ

 

ยโสชเถรคาถา ๒๖/๓๐๐

 

1