วิวาทะ

หมิ่นเหม่เหลือเกิน บทบาทปกป้องกับทำลายล้างศาสนา

นับเรื่องที่เสียหนาของกรมการศาสนา ที่พยายามอย่างยิ่ง ในการเข้าไปยุ่มย่ามคณะปกครองสงฆ์ โดยเฉพาะ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่เสนอหน้าชี้นำทำหนังสือถึงเจ้าคณะตำบลคลองหนึ่ง พระครูปทุมกิจโกศล

ให้พิจารณากฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 พ.ศ. 2541 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการข้อ 56 

สรุปให้พิจารณาสั่งพักตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่องจากพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย ต้องคดีอาญา

ล่าสุดเจ้าคณะตำบลได้ทำหนังสือแจ้ง ระบุว่า ได้พิจารณาสาระของกฎมส.อย่างละเอียด แบ่งเป็น 3 ข้อ

1) พระสังฆาธิการถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา และอยู่ในระหว่างพิจารณาวินิจฉัย
2) จะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างพิจารณา หรือสอบสวน จะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์
3) จะสั่งให้พักจากตำแหน่งหน้าที่ก็ได้ เป็นอำนาจดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด ที่จะสั่งให้พักหรือไม่ก็ได้

"เรื่องนี้อาตมาพิจารณาแล้ว เห็นว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาแล้ว และอาตมาในฐานะผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด ก็ได้เข้าไปตรวจสอบวัดพระธรรมกาย และผู้เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่ายังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นการเสียหายต่อคณะสงฆ์ จึงไม่เห็นสมควร ที่จะสั่งพักตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย"

ใจเย็นกันหน่อยครับ โดยเฉพาะเสี่ยตือ อย่าออกอาการ "เว่อร์" เกินกว่าเหตุ

ถ้าจะเข้าไปชี้นำพระภิกษุสงฆ์ หรืออยากเข้าไปปกครองพระปกครองวัด แทนพระภิกษุ ก็ต้องช่วยผลักดัน พ.ร.บ.ฉบับหัวดำปกครองสงฆ์

ให้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเสียก่อน

ในขั้นนี้ ต้องออกแรงเชียร์ อำนวย สุวรรณคีรี ให้มากกว่านี้ อยากเข้าไปปกครองสงฆ์ ต้องผ่านกฎหมายหัวดำปกครองสงฆ์ให้ได้เสียก่อน

จะได้ไม่เกิดอาการหน้าแตกซ้ำซาก

บ้านเมืองมีกฎหมาย พระสงฆ์มีพระธรรมวินัย เป็นที่พึ่งที่หวัง จะทำอะไรต้องว่ากันไปตามระบบ ต้องว่าไปตามกฎเกณฑ์ ที่สังคมร่วมกันเป็นผู้กำหนด เพื่อให้เกิดความสงบร่มเย็น

ผู้ที่ออกมาตะแบง ต่อสู้แบบเดียรถีย์ อย่าหวังว่าจะได้เป็นผู้ที่ชนะ

ต้องว่าไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของสังคมนั้นๆ

ขณะนี้ พระธัมมชโย ท่านก็พักตำแหน่งเจ้าอาวาส โดยแต่งตั้งให้พระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสแทน

สังคมกระหายเลือดจะเอาอะไรกันหนักหนา

ข้อกล่าวหาพระธัมมชโยมากมาย

ถูกตัดสินไปแล้วตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ ปลดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสไปเกือบขวบปีแล้ว เป็นอลัชชีไปแล้ว

แต่มันก็เป็นเรื่องของการกล่าวหา เพราะสื่อมวลชนไม่ใช่ผู้พิพากษาใครต่อใครได้ตามอำเภอใจ

ที่สุดแล้ว ความจริงก็คือความจริง ทุกคนต้องยอมรับกฎระเบียบของสังคม

อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องพระธัมมชโยแล้ว

ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาล องค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาน้อยใหญ่ต้องใจเย็นๆ เอาธรรมะของพุทธองค์มาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว

ด่าพระ สึกพระ จับผิดพระ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร 

แต่การพูดถึงพระ เสนอข่าวพระในแง่ดี ผมยังไม่เคยเห็นใครให้ความสำคัญกับเรื่องทำนองนี้

เราจึงเห็นภาพบาดตา ปวดใจ เศร้าสลดใจ ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นพระเสพเมถุนกับสีกา

พระฉันเหล้าเมาอาละวาด

พระฆ่าพระ

สื่อมวลชนเสนอข่าวขายความสะใจ ชาวบ้านก็อ่านข่าวทำนองนี้อย่างสนุกสนาน

เพื่อนสื่อมวลชนครับ ยังหน้าด้านยกหางตัวเอง ว่าทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาอีกหรือ

ส่วนพระนักปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จำนวนมาก ที่หลบอยู่ตามป่าเขา หรือแม้แต่ในเมือง เจริญในศีล มั่นคงในธรรมวินัย ช่วยเหลือเกื้อกูลชุมชน

มีนักข่าวหน้าไหนเสาะแสวงหาความดีงามของพระที่มีข้อวัตรที่งดงาม มาเป็นข่าวขึ้นหน้า 1

บทบาทในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ควรตั้งสติเพื่อทบทวนบทบาทตัวเองบ้าง

รวมถึงนักการเมือง ที่เพิ่งมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีว่าการ ก็ควรหยุดทำงานแบบสร้างภาพได้แล้ว

ต้องทบทวนบทบาทของรัฐมนตรีเสียก่อนว่า แต่ละคนนั้นทำงานเพื่อบ้านเมือง มีความจริงใจจริงจังเพียงใด

โดยเฉพาะกรมการศาสนา ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างไร ปัจจุบันยังมีเหลือบ งูเหลือม คอยตบทรัพย์พระกี่มากน้อย

ทบทวนกันให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยยกหางตัวเองว่า เป็นพุทธบริษัทผู้ปกป้องพระพุทธศาสนา เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมา ผมเห็นว่า หมิ่นเหม่เหลือเกินต่อกรณี การปกป้อง หรือทำลาย

โซตัส