ปีที่ 2 ฉบับที่ 657 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2542
วิวาทะ
ศาสนาพุทธมีดีอะไรจึงถูกโจมตี?
ภัยมืดคุกคามพระพุทธศาสนา มีมาช้านานแล้ว ประเทศไทยเป็นดินแดนที่พุทธศาสนาเติบใหญ่ และแข็งแกร่งที่สุดในโลก
เมืองไทยเมืองพุทธ มีประชากรนับถือศาสนาพุทธมากที่สุด และยังเป็นเมืองที่มีอิสระเสรีเปิดโอกาสให้ประชากรของสังคมนี้ นับถือ ศาสนาใดก็ได้ ไม่มีการจำกัดริดรอนสิทธิกันและกัน
สิทธิการนับถือศาสนาในบ้านเรา เบ่งบานยิ่งขึ้นเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่คนไทยเรา เสียเลือดเสียเนื้อและน้ำตา ให้กับอำนาจเผด็จการ เขียนไว้อย่างชัดเจนถึงเรื่องดังกล่าว
การเปิดสิทธิเสรีที่ว่า มิได้เพิ่งมาเกิดในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ หากแต่มีการเปิดให้หมอสอนศาสนา หรือที่รู้จักในนาม "มิชชั่นเนรี่" เข้ามา เผยแพร่ศาสนาของเขา ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีแล้ว
กว่านั้นดินแดนสยามของเราที่มีพระพุทธศาสนา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ก็เคยปกครองกันด้วยระบบข้าทาส มีบ่าว มีชนชั้นเจ้านาย ขุนนาง โดยมีชนชั้นต่ำสุดของสังคม คือ "ไพร่"
จวบจนพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประกาศยกเลิกทาสทั่วประเทศ ทำไทยให้เป็นไท สืบมาจนถึง ปัจจุบันนี้
จากประวัติศาสตร์อารยธรรมต่างถิ่น ไหลบ่าเข้ามาในดินแดนสยามแห่งนี้ ควบคู่หรือพร้อมกับ การเผยแผ่ศาสนาอื่น ในดินแดนพุทธ ศาสนานี้ อย่างเห็นได้ชัดเจนที่สุด
การเผยแพร่ศาสนาอื่นในไทยยุคเริ่มแรก
บรรดาหมอสอนศาสนาทั้งหลายจะนำวิทยาการทันสมัยมาเป็นเครื่องมือในการให้คนไทย ยอมรับนับถือศาสนานั้นๆ
วิทยาการการแพทย์ วิศวกรรม เทคโนโลยีต่างๆ ที่เอื้ออำนวยความสะดวก ความสบาย ให้กับประชาชน จึงเป็นจุดขายที่สำคัญที่สุด
เป็นที่น่าแปลกอัศจรรย์ยิ่ง ที่การเผยแผ่ของหมอสอนศาสนาอื่น ไม่สามารถกลืนดินแดนพุทธศาสนาแห่งนี้ได้ ขณะที่กลวิธีการ เผยแพร่ ศาสนา ของเขาเหล่านั้น ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในหลายประเทศ
พุทธศาสนาจะต้องมีอะไรดีแน่ๆ จึงไม่สามารถทำลายล้างความศรัทธาลงได้?
คำถามที่หลายฝ่ายหาคำตอบ!
บอกได้ทันทีว่า พุทธศาสนาที่ยืนอยู่บนหลักและเหตุผล สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของผู้น้อมนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ ไม่ยึดติด ในตัวตนขององค์พระศาสนา หากแต่ให้น้อมนำพระธรรมคำสั่งสอน ของพระองค์เป็นตัวแทนพระองค์
สรุปว่าทุกเรื่องไม่มีคำว่า พระเจ้าเป็นใหญ่ พระเจ้าคือผู้ประทาน!
ไม่มีใครทำให้พระสัทธรรมของพระพุทธเจ้าเสื่อมถอยได้ แม้แต่กาลเวลา
กระนั้นก็ตาม หลักธรรมของพระองค์ไม่เสื่อมถอยก็จริงอยู่ แต่อาจถูกคนทุศีล ที่อ้างตนเป็นผู้ปกป้อง พุทธศาสนา กระทำปู้ยี่ปู้ยำ ให้ พระสัทธรรมอันยิ่งใหญ่นั้น สูญหายไปจากประเทศไทย ซึ่งมีปรากฏอยู่ในดินแดนชมพูทวีปก็เป็นได้
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะมองเพื่อนชาวพุทธ เยี่ยงลูกศิษย์พระพุทธเจ้ามองกัน
มองกันอย่างไร ก็มองกันด้วยเมตตาธรรมนำหน้า ความรู้สึก รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสรณะ ก็เท่านั้นเอง
"ต้นคดปลายตรง" ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าย่อมไม่ทอดทิ้งกัน....
ถึงเวลาแล้วที่เราชาวพุทธจักต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ปกป้องพระพุทธศาสนาของเรา ไม่ให้มารหน้าไหน มารังแกหรือ ทำศาสนาของเรา ให้แปดเปื้อน
โซตัส