ปีที่ 2 ฉบับที่ 651 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2542

สกู๊ปพิเศษ

พระพุทธรูปทองคำ

"และนี่คือความลับของฉัน มันเป็นเรื่องธรรมดามาก เราจะเห็นอะไรได้เพียงด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา"

อังตวน เดอ แซงเต๊กซูเปรี

ในฤดูใบไม้ร่วม ค.ศ.1988 จอร์เจีย ภรรยาของผมและผมได้รับเชิญไปแสดงปาฐกถาที่ฮ่องกง ในหัวข้อการเคารพตนเอง และการบรรลุ จุดสูงสุดในชีวิต เราทั้งคู่ไม่เคยไปตะวันออกไกลมาก่อน เราจึงคิดกันว่า จะเดินทางต่อไปยังเมืองไทยด้วย

พอถึงกรุงเทพฯ เราตัดสินใจจะไปเที่ยววัดที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ จอร์เจียกับผมพร้อมด้วยล่ามและคนขับรถ ได้เดินทางไปชมวัดหลายแห่ง ในวันเดียวกัน หลังจากนั้น ความทรงจำของผมก็เริ่มสับสนเลอะเลือนไปหมด

อย่างไรก็ดี มีวัดอยู่แห่งหนึ่งที่ยังหลงอยู่ในความประทับใจของเรา วัดนี้ชื่อว่า วัดพระพุทธรูปทองคำ (วัดไตรมิตร) ตัวโบสถ์เอง มีขนาด เล็กมาก อาจจะไม่เกิน 30 ฟุตด้วยซ้ำ แต่ขณะที่เราเข้าไปข้างใน เราก็ต้องตะลึงกับพระพุทธรูป สูง 10 ฟุตครึ่ง ทำด้วยทองคำทั้งองค์ หนักกว่า 2 ตันครึ่ง คิดมูลค่าได้ราว 196 ล้านดอลล่าร์ มันเป็นภาพที่น่าเกรงขามมาก พระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ ที่แสนมหัศจรรย์ และแทบไม่เชื่อ กำลังยิ้ม ให้เรา อย่างอ่อนโยนและเมตตา

ขณะที่เรากำลังเพลิดเพลินกกับการเดินชมภายในโบสถ์ (ถ่ายภาพพลางร้องโอ้โหและอื้อหือ ขณะชื่นชมประติมากรรมต่างๆ) เราได้เดินมา ถึงหีบแก้วที่บรรจุดินเหนียวชิ้นใหญ่ หนาราว 8 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว ถัดจากหีบแก้วเป็นแผ่นจารึก ประวัติของงานศิลปะชิ้นเยี่ยมนี้

ย้อนไปในปี ค.ศ. 1957 (พ.ศ.2500) พระสงฆ์กลุ่มหนึ่งจากวัดแห่งหนึ่ง จะต้องย้ายพระพุทธรูปดินเหนียว จากวัดของตน ไปประดิษฐาน ยังที่แห่งใหม่ เพราะวัดจะต้องปรับสถานที่บางส่วน เพื่อให้มีที่สำหรับทางหลวงเข้ากรุงเทพฯ เมื่อปั่นจั่นเริ่มยกสิ่งมหัศจรรย์ขนาดยักษ์นี้ขึ้น น้ำหนักอันมหาศาล ของพระพุทธรูป ก็ทำให้องค์พระพุทธรูปเริ่มปริร้าว ยิ่งกว่านั้น ฝนก็เริ่มตก ด้วยความเป็นห่วงว่า พระพุทธรูปล้ำค่า จะได้รับ ความเสียหาย เจ้าอาวาสจึงตัดสินใจ วางพระพุทธรูปลงกับพื้น และเอาผ้าใบผืนใหญ่มาคลุมกันฝน

คืนนั้นเจ้าอาวาสออกไปตรวจดูพระพุทธรูป ท่านฉายไฟไปใต้เต็นท์ผ้าใบ เพื่อดูว่า องค์พระแห้งสนิทแล้วหรือยัง ขณะที่ไฟไล่ไปถึง รอยแตก ท่านก็สังเกตเห็นแสงเรืองสะท้อนออกมา ท่านมองเข้าไปใกล้แสงเรืองๆ ด้วยความสงสัย และนึกแปลกใจว่า คงจะมีอะไรบางอย่าง ซ่อนอยู่ในดินเหนียว ท่านจึงกลับไปเอาสิ่วกับฆ้อนที่วัด และเริ่มต้นเซาะดินเหนียว เมื่อเศษดินเหนียวเซาะร่ออนหลุดออกมา แสงเรืองๆ เล็กๆ ก็เริ่มทอประกายจ้าขึ้น และใหญ่ขึ้น หลายชั่วโมงของ การทำงานผ่านไป หลวงพ่อจึงได้พบกับ พระพุทธรูปทองคำองค์มหึมา นักประวัติศาสตร์ เชื่อว่า หลายร้อยปี ก่อนหน้าที่เจ้าอาวาสจะพบ พระพุทธรูปทองคำ กองทัพพม่าได้เข้ารุกรานประเทศไทย พระสงฆ์ในกรุงศรีอยุธยาเชื่อว่า อีกไม่นานอยุธยาจะแตก จึงช่วยกันเอาดินเหนียว หุ้มพระพุทธรูปทองคำไว้ เพื่อปกป้องทรัพย์สมบัติอันมีค่า โชคร้ายที่พระสงฆ์ ในกรุงศรีอยุธยา ถูกทหารพม่า สังหารจนสิ้น ความลับของพระพุทธรูป จึงถูกเก็บเป็นความลับเสมอมา จนกระทั่ง เจ้าอาวาสมาพบความจริง เมื่อปี 1957 (พ.ศ.2500) นี่เอง

ขณะที่เราบินกลับบ้านโดยสารการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก ผมเริ่มคิดถึงตัวเองว่า "เราทุกคนก็เหมือนกับพระพุทธรูปดินเหนียว ที่เคลือบไว้ด้วย เปลือกแข็งแห่ง ความหวาดกลัว ภายในตัวเราแต่ละคน แท้จริง คือพระพุทธรูปทองคำ หรือ "แก่นแท้" ซึ่งก็คือตัวตนที่แท้จริงของเรา ณ จุดใด จุดหนึ่ง บนเส้นทางของชีวิต ระหว่างวัย 2-9 ขวบ เราเริ่มห่อหุ้ม "แก่นแท้" ซึ่งเป็นแก่นแท้โดยธรรมชาติ เอาไว้ภายใน ภารกิจของเราคือ ต้องค้นหา แก่นที่แท้จริงของชีวิต อีกครั้งหนึ่ง

แจ๊ก แคนฟีลด์

จาก หนังสือ "พลังแห่งชีวิต"

Chicken Soup for the Soul

ขุมทรัพย์แห่งปัญญา อันจะเปิดหัวใจและนำความอ่อนโยนมาสู่ชีวิต

[หน้าหลัก] [สกู๊ปพิเศษ]

1