บวชสุดอลังการ

2 แสน ถวายพ่อ

กระแสมารกระจุย
ธรรมะชนะอธรรม

กระแสมาร ต้านไม่อยู่ มหาชนกว่า 2 แสน หลั่งไหลเข้าร่วมพิธีบวช “อุบาสกแก้ว” ทดแทนพระคุณ “พ่อ” สมกับที่ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ลั่นวาจาไว้เสมอ ว่า “ธรรมะย่อมชนะอธรรม” เผยผู้ร่วมงานบุญทุกคน ได้รับพระมหาสิริราชธาตุ ไว้คุ้มครองตน มั่นใจ มหาธรรมกายเจดีย์ สร้างเสร็จ แน่นอนโดยเฉพาะ “โดม” เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไป จะเป็นมรดกล้ำค่าของชาติ และของโลก ในยุค คศ.2000

ผู้สื่อข่าว “พิมพ์ไทย” รายงานจากวัดพระธรรมกายว่า จากการสำรวจยอดผู้เข้าร่วมในพิธีบวชอุบาสกแก้ว ที่วัดพระธรรมกาย

ปรากฏว่า มีผู้เข้าร่วมพิธีบวชคับคั่ง แตกต่างจากข่าวที่ปรากฏ ในสื่อมวลชนส่วนใหญ่ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งจากยอดใบสมัครผู้บวชอุบาสกแก้ว ของวัดพระธรรมกาย มีจำนวนทั้งสิ้น เกินกว่า 100,000 คน และจะมีสตรีเข้าร่วมบวช ในพิธีนี้ เพื่อแสดงมุทิตาจิต อีกไม่น้อยกว่า 100,000 คน รวมเป็น ผู้ที่เข้าพิธีบวช มีจำนวนมากกว่า 100,000 คน

พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของ การบวชอุบาสกแก้ว ครั้งนี้ เกิดจากแรงศรัทธา ที่มีต่อ พระพุทธศาสนา และพลังแห่งความกตัญญู ที่มีต่อบุพการี ได้สิ้นไปจากหัวใจ ของลูกผู้ชายไทย แม้จะเข้าสู่ ยุคสมัยที่ผู้คน ส่วนใหญ่ ยังคงเสพสิ่งมอมเมา อยู่กับวัตถุนิยม ที่ไร้ซึ่งคุณค่า ทางจิตใจก็ตาม

สะท้อนให้เห็นจากพิธีบวชอุบาสกแก้ว ที่มูลนิธิธรรมกาย วัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดโครงการ ให้มีขึ้น ครั้งแรกของโลก ยังคงได้รับความสนใจ เป็นอย่างมากจาก ชายไทย ทุกสาขาอาชีพ ทั่วประเทศ ที่แสดงถึง พลังแห่งความศรัทธา ร่วมสมัครบวช อุบาสกแก้ว 1 แสนคน ทั้งนี้ เพื่อร่วมถวาย ความกตัญญูต่อ พ่อผู้ให้กำเนิด และเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาส ปีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ

กิจกรรมหลักของผู้เข้าร่วมบวชอุบาสกแก้วก็คือ การถือศีล 8 นั่งสมาธิและฟังธรรม สาเหตุที่ผู้เข้าร่วมบวชทั้งหมด แต่งชุดขาวล้วน ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ และความสมถะเรียบง่าย ใช้สอยบริโภคเท่าที่จำเป็น ไม่แสดงออกถึง ความหรูหราและฟุ่มเฟือย ส่วนธรรมะที่ฟังส่วนใหญ่ จะเป็นการเทศน์ที่แสดงถึง พระคุณพ่อเป็นหลัก

“ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการพัฒนาจิต ให้ถึงพร้อมด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา และหลักธรรม ในพระพุทธศาสนา ที่สามารถนำไปพัฒนา ความเป็นอยู่ อาชีพการงาน ประเทศชาติและส่วนรวม โดยตั้งความหวังไว้ว่า ภาพของความพร้อมใจกัน ประพฤติปฏิบัติธรรม ของมหาชน จำนวนมาก ย่อมจะก่อให้เกิดพลังศรัทธา ในการทำความดี อยู่ในศีลธรรมแก่คนทั้งชาติ และเป็นการเผยแพร่ ภาพพจน์ความดีงาม ของชาวไทยสู่ชาวโลก”

เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กล่าวด้วยว่า การจัดงานบวชครั้งนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก บรรพชาสามเณรแก้วกว่า 13,000 รูป และ การบวชอุบาสิกาแก้ว ร่วม 200,000 คน ซึ่งได้จัดขึ้น ที่วัดพระธรรมกาย เมื่อเดือน ก.พ. และ ส.ค. 2541 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในการบวชอุบาสกแก้ว ครั้งที่ผ่านมานั้น ได้ปรากฏผลชัดเจนว่า ผู้ผ่านการอบรมส่วนใหญ่ ยอมรับว่า การอบรม ช่วยให้ตน ได้พัฒนาศีลธรรม ได้มากขึ้น และศีลธรรมนี่เอง เป็นกุญแจไขไปสู่ สันติสุขในสังคม และในปี 2542 อันเป็นมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 6 รอบ จึงเป็นโอกาสอันควรที่ พสกนิกร ชาวไทยจะได้สร้างมหากุศล ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ ตั้งแต่เดือนแรกของปี 2542

ผู้สื่อข่าวของเราที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่วัดพระธรรมกาย รายงานว่า บรรยากาศในวันแรกของโครงการ เป็นไปอย่างคึกคักมาก มีผู้ปฏิบัติธรรม ทยอยหลั่งไหลเข้ามา อย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 29 ม.ค. จนมียอดผู้เข้าร่วมบวช อุบาสกแก้ว ประมาณ 1 แสนคน ก่อนที่จะเริ่มพิธีการ ซึ่งทุกคนนุ่งขาวห่มขาว นั่งสมาธิ เป็นระเบียบเรียบร้อย ในสถานที่ที่วัดจัดไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมในพิธีเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 9.30 น. หลวงพ่อธัมมชโย กล่าวนำอุบาสกแก้วกว่า 1 แสนคน บูชาพระรัตนตรัย จึงเริ่มทำการปฐมนิเทศ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจ ในการปฏิบัติธรรม สมาทานศีล 8 การสวดมนต์ ทำวัตรเย็น และการเจริญสมาธิ ก่อนที่จะพักผ่อน ในเวลาประมาณ 21.00 น. จากนั้น ในวันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 4.30 น. อุบาสกแก้วทุกท่าน จะตื่นขึ้นมา ทำวัตรเช้า และนั่งสมาธิ

สำหรับพิธีกรรมในภาคเช้านั้น คณะสงฆ์เดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางพิธี พร้อมคณะประธานฆราวาส 84 ท่าน ที่มาจากบุคคล หลากหลายอาชีพ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า นักธุรกิจ ทำการเชิญ ผ้าเฉวียงแก้ว โดยมี พล.อ.ท.วีรวุธ ลวะเปารยะ หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองบัญชาการ ทหารสูงสุด พร้อมด้วยดารา นักร้อง นักแสดง พิธีกร และนักจัดรายการวิทยุ ชื่อดัง อาทิ ลีลาวดี วัชโรบล, ธิดา ดวงดาว, สุมาพร ชัชวาลประเสริฐ, ชาร์ล ปิณฑานนท์ เข้าร่วมในพิธี โดยก่อนที่ผู้เข้าบวชทุกคน จะเข้ารับผ้าเฉวียงแก้ว จากพระภิกษุสงฆ์นั้น จะเป็นพิธีขอขมา ต่อคณะสงฆ์ ซึ่งมีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นประธานฯ

ส่วนภาคบ่าย เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. โดยเป็นการทำพิธีบวชอุบาสกแก้ว และพิธีขอสรณคมน์ และศีล 8 ซึ่งนายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ทำหน้าที่เป็นตัวแทน กล่าวนำผู้เข้าบวช โดยมีพระราชภาวนาวิริยคุณ รองเจ้าอาวาส วัดพระธรรมกาย เป็นพระศีลาจารย์ และผู้ประกอบพิธีบวชให้

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. ก็ถึงเวลาประวัติศาสตร์ เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ประธานฝ่ายฆราวาส อุบาสกแก้วกว่า 1 แสนคน ร่วมกันถ่ายภาพ บวชอุบาสกแก้ว ครั้งแรกของเมืองไทย โดยมีช่างภาพสื่อมวลชน จากทุกสำนัก ร่วมกันบันทึกภาพ ครั้งประวัติศาสตร์ กันอย่างคับคั่ง จากนั้นอุบาสกแก้วทุกคน จะเข้าก่อนจะแยกย้าย ไปทำภารกิจส่วนตัว และกลับมาทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ เพื่อปฏิบัติธรรม อีกครั้งหนึ่ง

น.ส.ชุลีพร ช่วงรังษี ประชาสัมพันธ์ ของวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมภาคเช้าในวันอาทิตย์ที่ 31 ม.ค. นั้น พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ประธานสงฆ์และคณะสงฆ์ จะนำอุบาสกแก้ว บูชาพระรัตนตรัย และนำนั่งสมาธิเจริญภาวนา หลังจากนั้น จะประกอบพิธีมอบ “อุบาสกรัตนวิสุทธิบัตร” และ “มหาธรรมาภิบาลวุฒิบัตร” แก่ตัวแทนคณะสงฆ์

ส่วนกิจกรรมในภาคบ่ายนั้น ทางวัดพระธรรมกาย ได้จัดให้มีการถ่ายทอดสด การบวชอุบาสกแก้ว ในเมืองไทย และทั่วโลก ผ่านเครือข่าย เทเลไฟว์ โกลบอลเน็ทเวิร์ค ทางสถานีวิทยุและ โทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 และสถานีวิทยุและโทรทัศน์ ช่อง 11 ระหว่างเวลา 14.00 – 16.00 น.

นอกจากนี้ ยังจัดให้มีพิธีมอบโล่พระราชทานฯ “ทางก้าวหน้า” ครั้งที่ 17 จำนวน 18 โล่รางวัล พร้อมทั้ง สัมภาษณ์ผู้ปกครอง และนักเรียน ที่ได้รับโล่พระราชทาน และจะมีการนำนั่งสมาธิ เจริญภาวนา และพระภาวนาวิสุทธิ์ จะมอบ “เหรียญกล้าตะวัน” และ “มหารัตนมงคล วิสุทธิบัตร” แก่ผู้ประสานงาน สอบทางก้าวหน้า

ในเวลา 15.55 น. พระภาวนาวิริยคุณ รองเจ้าอาวาสฯ จะทำหน้าที่เป็นประธาน กล่าวให้โอวาท และประกอบพิธี ลาบวชอุบาสกแก้ว จากนั้น จะเคลื่อนสาธุชนไป ลานมหาธรรมกายเจดีย์ โดยมีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ นำบูชาพระรัตนตรัย นั่งสมาธิและอธิษฐานจิต หลังจากนั้น จะถ่ายภาพ ประวัติศาสตร์ ร่วมกับสาธุชน พร้อมรับของที่ระลึก

ผู้สื่อข่าวของเรารายงานจากวัดพระธรรมกายว่า บรรยากาศงานบวชอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ น่าประทับใจมาก เพราะมีทั้งเด็กจนไปถึงผู้แก่ผู้เฒ่า ที่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย มาร่วมบวชกัน อย่างคับคั่ง ภาพพ่อแม่แต่งชุดขาว ให้กับลูกชาย วัยไม่กี่ขวบ หรือลูกชายวัย 50 กว่า พาพ่อที่อายุกว่า 70 ปี มาบวช โดยมีญาติพี่น้อง มาร่วมอนุโมทนาสาธุ ยืนยิ้มด้วยความปลื้มปีติ ช่างเป็นภาพที่ประทับใจผู้ที่ได้พบเห็น เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังมีชาวม้ง ชาวกระเหรี่ยง ผู้นับถือศาสนาซิก ฯลฯ ก็เดินทางมา ร่วมปฏิบัติธรรม เข้าร่วมพิธีบวช อุบาสกแก้ว เพื่อถวายแด่ พ่อของเราด้วย โดยเฉพาะ มีภาพที่น่าประทับใจ ก็คือ มีนักเรียน โรงเรียนช่างกล ในเครื่องแบบ หลายพันคน จากหลายสถาบัน มาบวชปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ โดยไม่มีการกระทบกระทั่ง ซึ่งหากงานนี้ เป็นงานคอนเสิร์ท แสดงดนตรี ขายเหล้าขายบัตร มีหวังไล่ตี ไล่แทง จนงานพังไปแล้ว

จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก การที่วัดมีเจตนาดึงคน ให้เข้ามาปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะบรรดาบุรุษเพศ ยุคโลกาภิวัฒน์ ที่เริ่มหันหลังให้กับวัด ดึงให้เข้ามาปฏิบัติธรรม ขัดเกลากิเลส กลับต้องถูกพวกมารร้ายตามผจญ วัดพระธรรมกาย ถูกใส่ร้ายป้ายสี มาโดยตลอด ทั้งนี้ เพื่อหวังให้งานบุญครั้งนี้ ต้องพังพาบลงไป

โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ที่ เสี่ยส. มหาบัณฑิตโจร สังกัด เสนอข่าวล่วงหน้า ก่อนถึงกำหนดงานบวชอุบาสกแก้ว นานนับสัปดาห์ ในทำนอง ค่อนขอด ดูหมิ่นเหยียดหยาม งานบวชครั้งนี้ มีไม่ถึงหมื่นคน แล้วเป็นไง หน้าแตกยับ หากถูกทวงถามจรรยาบรรณ ในฐานะฐานันดร 4 ว่ามีอยู่ในสำนึกหรือไม่ แค่นี้ก็ใบ้รับประทานแล้ว ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. นี้ ทางวัดเชื่อมั่นว่า จะมีผู้มาร่วมไม่น้อยกว่า 2 แสนคน ซึ่งในจำนวนนี้ จะมีอุบาสิกามาร่วมงานบุญด้วย

ผู้สื่อข่าวของเรา ยังฝากคำถามของบรรดาญาติๆ ของผู้มีมาปฏิบัติธรรม จากย่านฝั่งธนฯ ที่มีไปถึง พระพยอม กัลยาโณ แห่งวัดสวนแก้ว ที่เทศน์คะนองปาก ท้าทายวัดพระธรรมกายว่า ถ้าหากมีคนมาบวชเกิน 5 พันคน จะขอลาสิกขาบท ซึ่งเมื่อรูปการณ์ออกมา เป็นเช่นนี้ พระพยอมจะทำตาม ที่ได้ลั่นสัจจะวาจาไว้กับ สาธารณชนหรือไม่

อนึ่ง สำหรับพิธีบวชในลักษณะดังกล่าวนั้น ไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่เฉพาะในประเทศไทย เท่านั้น การจัดงานในลักษณะนี้ ต่างก็ประสบผลสำเร็จ ในต่างประเทศ ด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้จาก การบวชอุบาสกแก้วครั้งนี้ เป็นที่สนใจของชาวไทย และชาวต่างชาติ ทั้งชายและหญิง เป็นจำนวนมาก โดยมีชาวต่างชาติจาก 14 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย

ตัวแทนจากวัดพระธรรมกาย ให้สัมภาษณ์ว่า การบวชอุบาสกแก้วในครั้งนี้ ผู้ที่มาร่วมในพิธีทั้งหมด มาด้วยความสมัครใจ ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญ แต่อย่างใด ทุกคนที่มาร่วม เพราะตั้งใจบวช เพื่อถวายเป็น พระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเทิดทูนพระคุณของ “พ่อ” ซึ่งเป็นหลักของครอบครัว เป็นคนหาทรัพย์มาเลี้ยงครอบครัวด้วยความเหนื่อยาก

“การที่มีคนมาร่วมพิธีมากนั้น น่าจะสื่อความหมาย ให้เห็นได้ชัดเจนว่า ชาวพุทธยังคงมีจิตใจมั่นคง ในพุทธศาสนาเหมือนเดิม แม้จะถูกหมู่มารโจมตีก่อกวน เพื่อให้พิธีการบวช อุบาสกแก้ว ไม่สามารถดำเนินการได้ก็ตาม แต่จากยอดผู้มาร่วมงาน น่าจะแสดงให้เห็นว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม”

สมกับที่ พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ) ได้พูดอยู่เสมอว่า ธรรมะจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่เดือดร้อนใจ เพราะ “ธรรมกาย” ของพระพุทธศาสนา เป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นของจริงแก่ผู้เข้าถึงธรรม เรื่องอย่างนี้ เราไม่หวั่น เราเชื่อในคุณ พระพุทธศาสนา

นอกจากผู้เข้าร่วมพิธีบวช ได้รับบุญกุศลตามเจตนารมณ์แล้ว ผู้ร่วมพิธี ยังจะได้รับ พระมหาสิริราชธาตุ เป็นของขวัญ จากทางวัดด้วย ซึ่งทางวัด ได้จัดเตรียมไว้แล้ว กว่า 200,000 องค์

พระมหาสิริราชธาตุ เป็นของหายาก บังเกิดได้ยากในโลก เมื่อถึงเวลาที่ดีที่สุด ที่ผู้มีบุญได้สร้าง ธรรมกายเจดีย์ ที่จะเป็นหลักชัยของโลก แก้ไขภัยพิบัติ ที่จะบังเกิดขึ้น และสร้างสันติสุขให้แก่โลก พระมหาสิริราชธาตุ จะบังเกิดขึ้นมา เพื่อไปอยู่กับบุคคลที่ดีที่สุด

ผู้เป็นเจ้าของพระมหาสิริราชธาตุ จะได้สร้างบารมีอย่างเต็มที่ เต็มเปี่ยม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยาก ศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพมาก

นางปัทมาภรณ์ รักษ์แพทย์ 69/99 อาคารชุด เคหะชุมชนหลักสี่ ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตดอนเมือง กทม. ได้ให้ความเห็นต่อ สื่อมวลชนว่า วัดดีเพราะมีชาวบ้านช่วย บ้านจะสวยเพราะมีวัดดัดนิสัย บ้านกับวัดผลัดกันช่วยก็อวยชัย บ้านกับวัดขัดกันก็บรรลัย ทั้งสองทาง สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่เสนอข่าว เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ในแต่ละวัน ที่ผ่านมานั้น ยังเสนอข้อมูล ไม่ครบถ้วน เป็นเหตุให้แปลความหมาย และแปลเจตนาคลาดเคลื่อนไป จากข้อเท็จจริง

วัดพระธรรมกายจัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสาธารณสถาน สำหรับเผยแพร่พระพุทธศาสนา มีเป้าหมายในการจัดตั้งองค์กร การสร้างทีมงาน การก่อสร้างโครงการต่างๆ ทำเป็นระบบ ทุกอย่างดูเป็นระเบียบ ภายในบริเวณวัด สะอาดเพรียบพร้อม ด้วยสาธารณูปโภค สมบูรณ์แบบที่สุด มีแผนในการดำเนินงาน และมีผลงานให้เป็นรูปธรรม อย่างชัดเจน

ใครได้ผ่านเข้าไปแล้ว จะมีความรู้สึกอบอุ่นและประทับใจ จนได้รู้สึกกลิ่นไอของธรรม จะแทรกซึมเข้าไป ทุกอณูอินทรีย์ของร่างกาย และประการสำคัญ ของการจัดสร้างวัดก็คือ เพื่อเผยแผ่วิชชาธรรมกาย เป็นการแสดงความ กตัญญูกตเวทิตา ต่อหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และสืบทอด พระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนสืบไป อีกทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐ ในการแก้ไขปัญหาให้กับสังคม โดยการใช้หลักธรรม ดึงดูดใจคนให้ห่างพ้น จากอบายมุข และห้วงเหวแห่งอบายภูมิ คือการสร้างคนให้เป็นคนดี เป็นคนที่มีคุณภาพแก่สังคม โดยที่รัฐมิได้หยิบยื่นเงิน มาช่วยเหลือ แม้แต่สตางค์แดงเดียว เงินที่ใช้จ่าย ทุกบาททุกสตางค์ วัดได้มาจากสาธุชน ที่ร่วมกันบริจาค

วิธีการสั่งสอนอบรม และการปฏิบัติธรรม ที่วัดพระธรรมกาย ที่สามารถจูงใจคนเข้าวัดได้ นับเป็นล้านคน ก็เพราะผู้นำของวัด มีสัมมาทิฏฐิ เปี่ยมไปด้วย เมตตาธรรมอันสูงส่ง สะอาดและบริสุทธิ์ อยู่บนพื้นฐานของ จิตใจที่ดีงาม ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม อันประณีต ที่เป็นสัจธรรม ปฏิบัติตามคำสั่งสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างแท้จริง จนชื่อเสียงของวัด โด่งดังไปทั่วโลก

มหาธรรมกายเจดีย์ ออกแบบและก่อสร้าง โดยคณะผู้บริหารงาน ซึ่งประกอบด้วย ท่านผู้ทรงคุณวุฒิ เชี่ยวชาญในการก่อสร้าง มีครบทั้ง ศาสตร์และศิลป์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ ประดิษฐานพระธรรมกายประจำตัว ของผู้มีบุญ จำนวน 1 ล้านองค์ แล้วยังเป็น สาธารณสถาน ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นับได้ว่า เป็นมรดกล้ำค่าของชาติ และของโลกในยุค คศ.2000 อีกด้วย

ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และความศักดิ์สิทธิ์แห่ง มหาธรรมกายเจดีย์ พร้อมด้วยบุญกุศลทั้งหมด ที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้ว มาเป็น ของขวัญปีใหม่แก่ท่าน และครอบครัว ตลอดจนเพื่อนร่วมงาน คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา ในทุกเมื่อเทอญ

นายสมยศ จารุทรรศนา ลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกศิษย์วัดคนหนึ่ง ตั้งแต่มีโครงการ สร้างธรรมกายเจดีย์นี้ ผมได้คอยสังเกต การดำเนินงานสร้าง อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะปัจจุบัน ได้เห็นทางวัดเร่ง ดำเนินการก่อสร้างมาก องค์พระที่ประดิษฐาน บนโดมเจดีย์ เกือบจะเต็มแล้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่า ล่าสุดทางวัดกำลัง ดำเนินการบวชอุบาสกแก้ว 100,000 คน ควรจะมีการประกาศ หรือประชาสัมพันธ์ว่า โดมธรรมกายเจดีย์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 31 ม.ค. 2542 โดยเชื่อว่า ถ้าประชาชนทั่วไป ทราบข่าวนี้ จะได้มาดูองค์พระ ที่ตนเองร่วมสร้างขึ้น และได้ประดิษฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว

รายงานจากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เปิดเผยว่า ขณะนี้บรรดาลูกศิษย์วัดปากน้ำกว่า 1 แสนคน รู้สึกไม่พอใจต่อ การวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่ม มหาส. ซึ่งมีทั้งพระและฆราวาส ที่กล่าวอ้างว่า พระมงคลเทพมุนี หรือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ต้องไปเรียน วิปัสสนากรรมมัฏฐาน ที่วัดมหาธาตุ ยุวราษฎร์ รังสฤษดิ์ กับ พระเทพสิทธิมุนี (โชดก ปธ.9) เพราะเริ่มรู้ว่า ตนเองเดินทางผิด โดยเฉพาะ การทำสมาธิ แบบวิชชาธรรมกาย

โดยมหาส. ได้กล่าวว่า วิชชาธรรมกาย เป็นวิชาที่ชำรุดแล้ว แต่ศิษย์ไม่ยอมทิ้ง กลับนำมาฝึกต่อ ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงแล้ว หลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ยังคงสอนลูกศิษย์มา จนกระทั่ง ปี 2502 จึงมรณภาพไป

หลวงพ่อสดช่วยเงินวัดมหาธาตุ

ส่วนการที่หลวงพ่อวัดปากน้ำเดินทางไปที่วัดมหาธาตุฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2490 นั้น เป็นเพราะว่า เจ้าคุณพิมลธรรม (ช้อย ฐานทัตโต) ได้มีดำริ จะตั้งโรงเรียน สอนวิปัสสนากรรมมัฏฐานขึ้น ที่วัดมหาธาตุฯ จึงมีความจำเป็น ต้องจัดหาทุน ในการก่อสร้างอาคาร พร้อมกันนี้ ยังได้มีดำริ จัดตั้งวิทยาลัยสงฆ์ขึ้น คือ มหาจุฬาลงกรณ์ ราชวิทยาลัย ในปัจจุบัน จึงได้มีคำสั่งไปยัง ระดับเจ้าอาวาส ในมหานิกาย ทั่วประเทศ ให้เข้ามาร่วม สมทบทุน ให้กับวัดมหาธาตุฯ และได้มอบรูป และลายมือชื่อไว้เป็นอนุสรณ์แก่วัดด้วย

แต่มหาส. กลับใช้รูปดังกล่าวมาโจมตีว่า วิชชาธรรมกาย เป็นวิชาที่ผิดเพี้ยน ไม่ใช่วิชชาของ พระพุทธศาสนา ซึ่งขัดต่อความเป็นจริง ถ้าใครประพฤติปฏิบัติ วิชชาธรรมกาย ก็จะรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ดี

ถ้าจะให้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ มหาส. ควรจะมาสอบถามกับ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ องค์ปัจจุบัน ซึ่งท่านก็ฝึกปฏิบัติ ตามแนววิชชาธรรมกายมา และเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ โดยตรง น่าจะถามกัน ให้รู้ไปเลยว่า วิชชาธรรมกาย ไม่ถูกต้อง ตรงไหน

ดังนั้นประชาชนทั่วไป ไม่ควรเชื่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ในขณะนี้ เพราะยังไม่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง มีแต่บุคคลคณะหนึ่งทำตัวเป็น “ศาลเตี้ย” คอยพิพากษาพระทั้งๆ ที่บางคนเป็นฆราวาส ไม่มีศีลธรรมด้วยซ้ำไป

ด้านพรรคสัจธรรม มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยนายธงชัย คงกระพันธ์ หัวหน้าพรรค ได้แจกแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชน ที่หน้ารัฐสภา มีความว่า เรียนท่านสื่อมวลชนที่เคารพ ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า มีกระแสข่าวโจมตีพระพุทธศาสนา เป็นอย่างมาก ในรูปแบบต่างๆ กัน ต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งนับว่า ไม่เป็นผลดีต่อสังคม แต่อย่างใด

นักศึกษาเราทราบว่า ต่างชาติได้เข้ามามีบทบาท ด้านการเมือง การศึกษา เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ร้ายแรงถึงขั้น มีการระดมทุน จำนวนมหาศาล จากนอกประเทศ เข้ามาในประเทศไทย โดยความร่วมมือ ของบุคคลบางคน ทั้งในภาครัฐและเอกชน เพื่อเปลี่ยนแปลง หรือทำลาย พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนา ประจำชาติไทย และเป็นประเทศเดียวในโลก ที่พุทธศาสนา รุ่งเรืองที่สุด

จุดประสงค์ของคนเหล่านั้น เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลง ความเชื่อเรื่องศาสนาของ คนประจำถิ่น ให้ไปนับถือลัทธิใหม่ของตน นั่นเอง แม้สิ่งนี้จะเรียกว่า เสรีภาพในการนับถือศาสนา ก็ตาม แต่ก็นับว่า เป็นภัยร้ายแรงต่อ พระพุทธศาสนา เพราะรูปแบบของต่างลัทธิ ที่แอบแฝงเข้ามา มีหลากหลายรูปแบบ ได้ฉวยโอกาสในภาวะที่สังคมไทย อยู่ในสภาวะที่เปราะบาง และแร้นแค้นทางเศรษฐกิจ

อาศัยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ผู้ได้เปรียบคือ เงินทุนต่างชาติ จำนวนมหาศาลนั้น สามารถหยิบยื่นวัตถุหรือทุน ในรูปแบบต่างๆ กัน ให้กับเยาวชน และประชาชนได้อย่างไม่มีขีดจำกัด โดยแลกกับการเชื่อในลัทธินั้นๆ

ที่สำคัญคือ มีการโจมตีให้ร้าย พระพุทธศาสนา ในรูปแบบต่างๆ กัน ในขณะเดียวกัน เราไม่เข้าใจว่า อย่างเช่น กรณีของวัดพระธรรมกาย มีการโจมตีกัน อย่างหนักหน่วง จากฆราวาส ทำไมไม่ให้พระสงฆ์ ซึ่งมีองค์กรโดยชอบธรรมอยู่แล้ว จัดการกันเอง คนเข้าวัดกลับถูกต่อต้าน ทีแหล่งอบายมุข บ่อนการพนัน สนามม้ากลับไม่ถูกต่อต้าน วัดไม่ใช่ซ่องโจร รัฐบาลมัวทำอะไรกันอยู่

เราเห็นว่ามีการพยายามทำลายพระพุทธศาสนา จากบุคคลบางกลุ่มอยู่ในขณะนี้ (ไม่ใช่สื่อมวลชน ที่รายงานข่าวตามปกติ) เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง ในเรื่องนี้ นักศึกษาจึงมายื่นหนังสือต่อ กระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร และสภาความมั่นคง แห่งชาติ เพื่อดำเนินการสืบสวน สอบสวน หาความเป็นจริง ให้จงได้ต่อไป