ปีที่ 2 ฉบับที่ 582 วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2542 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล

เขตปลอดเผด็จการ

"จำวัด"

 

ผมไม่แน่ใจว่า อีก 10 ปีข้างหน้า จะมีพระให้เราได้กราบไหว้ และได้ทำบุญสักกี่รูป

เวลานี้ ก๊วนปราบพระหรือ จะเรียกหน่วยเฉพาะกิจ ก็ยังได้

ท่านคึกคักกันเหลือเกิน

ท่านเก่งจนผมกลัว

กลัวไม่มีวัดทำบุญ เก่งจนพวกผม ไม่มีวัดที่จะไปซุกเพื่อปลดทุกข์ ??!!??

การกระทำของคนกลุ่มนี้มองได้หลายด้าน … ด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องดี อีกด้านหนึ่งก็อันตราย เพราะหากมองไม่ชัด, มองไม่เข้าใจ ผมยังมองว่า ใครกันแน่คือ “ตัวทำลาย”…

ทำลายศาสนาไงครับ?

ทำลายความเชื่อถือ, ทำลายความเชื่อมั่นของคนพุทธด้วยกัน ในมุมของเจตนาร้ายที่ผมมองคนกลุ่มนั้น ผมก็ยังเห็นความดีของท่านอยู่

ถ้าเรื่องมันจริง, ไม่กล่าวเท็จ, ไม่ให้ร้ายป้ายสี, ไม่อิจฉาตาร้อน, หรือมีมิจฉาทิฏฐิเกินไป ผมก็ว่าเป็นเรื่องดี?

เรื่องนี้ผมเคยบอกไปแล้วว่า ศาสนากับความรู้สึก เป็นเรื่องของความเชื่อ, ความศรัทธา เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก การแก้ปัญหา ต้องใช้ปัญญา กับจิตใจที่สะอาด โดยเฉพาะ…

คนที่แก้

ต้องเป็นคนดี, น่าเชื่อถือ, เป็นที่ยอมรับ?

ที่วัดพระธรรมกายเป็นตัวอย่างหนึ่งที่อันตรายเหลือเกิน จิตศรัทธาของผู้คนที่มายังวัดนี้ เพื่อปฏิบัติธรรม มีมากเหลือเกิน มากกว่าที่ไหนๆ จะมีได้

เป็นที่รวมของพุทธศาสนิกชน, เป็นที่รวมของคนดี, เป็นที่รวมของคนที่มาสร้างความดี

หากจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์, หลักธรรมคำสั่งสอน, คนแก้ต้องทำจิตมาแต่ไกล ต้องทำใจให้กว้างพอ

เป็นเรื่องที่ดีที่ผู้คนไปรวม เพื่อทำความดี, ไปฟังเทศน์ฟังธรรม, ไปปฏิบัติธรรม ไม่ออกไปปล้นฆ่า, ค้ายาเสพติด

หากจะผิดก็ต้องเตือนกัน, ตำหนิกันในวงแคบๆ ถ้าผิดมหันต์ บ้านเมืองก็มีขื่อมีแป

ผมไม่ห่วงท่านธัมมชโย, ผมไม่ห่วงหลวงพ่อ, หลวงอาที่นั่น ไม่ว่าพระรูปไหนทั้งสิ้น

ผมห่วงญาติโยมที่เป็นฆราวาสและญาติธรรม?

เขาเชื่อ, เขาศรัทธา, เขาเคารพกราบไหว้ของเขา มีอะไรไม่ดี เถรสมาคมต้องเข้าไปแก้ไข ไม่ใช่ให้สื่อมวลชน, ฆราวาสกับพระไม่กี่รูปเข้าไปแก้ ออกข่าวกันโจ่งครึ่ม

พระและศาสนาจะเหลืออะไรเล่า?

วันหนึ่งข้างหน้า หากมีคนอุตริไปถามว่า เงินของวัดทั่วประเทศที่ได้จากงานบุญหลวงพี่, หลวงตา, หลวงน้าของผม เอาไปทำอะไรมั่ง แล้วก็ตรวจบัญชีกันเอิกเกริก หลวงพี่, หลวงน้า ผมมิวิ่งหนีตะรางกันจีวรปลิวหรือ

ใช่… เงินบางส่วน ก็เอาไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานมันบ้าง?

วัดบ้านนอกส่วนใหญ่ก็รู้ๆ กันอยู่ สั่งสอน, เทศนาธรรมหรือว่าเรียนตำรา มีจริงที่ไหน… มีจริงก็น้อย

ท่านจะสอนอะไรได้

เช้าก็ทัพพี, เพลก็ทัพพี, บ่ายฉันเต๊ แล้วก็จำวัด…

มันเป็นอย่างนี้จริงๆ .??!!??

วัดส่วนใหญ่ มีงานประจำปี ก็มีมหรสพ จับฉลาก ของขวัญ มีหนัง ลิเก ดนตรี บางวัดมีกระทั่ง “จ้ำบ๊ะ” เงินค่าเช่าที่ก็เป็นของวัด ถามว่า ผิดไหม? ใครผิด? ถ้าผิด หลวงพี่ หลวงลุง ของผม มิต้องจำคุกแทนวันกันหมดหรือ

ผมจะบอกอะไรให้ หลวงพี่บางรูปของผม ก่อนดังท่านยังเอา “วัด” ไปจำนองกับเถ้าแก่ด้วยซ้ำไป

พรุ่งนี้จะเล่าให้ฟัง

 

โรเบิร์ต แน็ต

1