ปีที่ 2 ฉบับที่ 581 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2542 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล

การชุมนุมศาสนิกอเมริกัน 1 ล้านคน
"เพื่อแสดงศรัทธา" เกิดขึ้นได้
การชุมนุมคนอีกนับล้าน
เพื่อ "ขอสิทธิแสดงศรัทธา" ย่อมเกิดขึ้นได้

ระวัง!! อย่าคะนองวาทะ เพื่อชื่อเสียงส่วนตัว
จนเลือดนองแผ่นดิน

เมื่อไม่นานมานี้ เกิดความตระหนกตกใจ ทั่วดินแดน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคนเรือนล้าน นัดกันมาชุมนุม อย่างพร้อมเพรียงกัน ที่ ลานหน้ารัฐสภาสหรัฐ ซึ่งทอดยาวไปถึงอนุสาวรีย์ ยอร์ช วอชิงตัน ตลอดบริเวณลานดังกล่าว เนืองแน่นไปด้วยผู้คน เหมือนมดปลวก ไม่มีที่ว่างเหลือไว้ แม้แต่ตารางนิ้วเดียว เมื่อชุมนุมกันพร้อมหน้า มีการกล่าวปราศัยแล้ว ก็สลายตัวไป แต่ก็ยังมีการประกาศว่า จะมีการนัดชุมนุมกัน ครั้งใหม่อีก ให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ มีผู้ร่วมชุมนุมมากกว่านี้

เขาชุมนุมเพื่ออะไรกันหรือ ทำไมจึงสามารถเรียกระดมผู้คนได้พร้อมพรักเช่นนี้

ต้องตอบคำถามหลังก่อน

การเรียกชุมนุมกันด้วยเรื่องใดๆ ให้พร้อมเพรียงกันที่สุด เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ

แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนมาชุมนุมอย่างเต็มใจพร้อมหน้ากัน โดยไม่มีใครยอมพลาด

ก็คือเรื่องอุดมการณ์

ฝูงชนนับล้าน ร่วมชุมนุมครั้งใหญ่ เพื่อยืนยันในความศรัทธาในลัทธิใหม่

บิลล์ แมคคาร์ธี ผู้นำลัทธิ “Promise Keepers” หรือ “ผู้รักษาสัญญา” เชื่อว่า การชุมนุมดังกล่าว

จัดขึ้นเพื่อชุบจิตวิญญาณของสหรัฐอเมริกา และของโลกขึ้นใหม่

มนุษ์เมื่อได้สัมผัสกับจิตวิญญาณของพระเจ้าแล้ว จะสร้างสรรค์สังคมขึ้นใหม่ ใต้ร่มเงาของความศรัทธา

ศาสนาจะรวมเป็นหนึ่งเดียว งานจะถูกสร้างขึ้น คนจนจะกินอิ่มนอนหลับ เพราะพระเจ้าจะเข้าถึง เข้าไปสิงสถิตย์ อยู่ในกลางเรือนใจทุกดวง ของมวลมนุษยชาติ

ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณของพระเจ้า หรือเป็นจิตวิญญาณที่ร่วมการเคลื่อนไหวก็ตาม แต่สิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจ ของคนเรือนล้าน ทำให้เกิดคลื่นมนุษย์จำนวนมหาศาล ดังกล่าวขึ้น

ผู้คนเหล่านี้ มาชุมนุมเพื่อร่วมใน “สมัชชาอันศักดิ์สิทธิ์” หรือ Sacred Assembly ลัทธิ “ผู้รักษาสัญญา” บอกว่า ไม่ได้คิดจะร้องเรียนอะไรต่อรัฐสภา แต่ต้องการร้องเรียนต่อชาวอเมริกัน และต่อพระผู้เป็นเจ้า

ลัทธินี้ไม่เชื่อว่า รัฐสภาจะชุบชีวิตใหม่ให้ได้ ไม่ว่าให้กับมนุษย์หรือให้กับสังคมก็ตาม

สาวกของลัทธิ จึงมุ่งหน้าร้องเรียนไปยังสรวงสวรรค์

แม้ว่า Promise Keepers จะยึดมั่นในพระคริสต์เจ้าและหลักธรรมของพระองค์ก็ตาม

แต่ก็เพิ่มศีลของตนขึ้นมาเองอีก 7 ข้อ

โดยรื้อฟื้นหลักธรรมของพระคริสต์ ที่ผู้คนหย่อนยานลงไปหลายข้อ ขึ้นมาปัดฝุ่นยึดถือใหม่

ศีล 7 ช้อ ที่บัญญัติเพิ่มเป็นการแก้ปัญหาสังคมยุคใหม่ ซึ่งไม่เคยมีในสมัยพระเยซู คริสต์เจ้า อาทิ เช่น ห้ามการแบ่งแยก รังเกียจผิว ห้ามเสพกามกับเพศเดียวกัน

เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐ ต่างเป็นห่วง เป็นใยในการชุมนุมผู้คนจำนวนมากมายมหาศาล เช่นนี้ ด้วยเกรงว่า จะถูกเบี่ยงเบน ไปเป็นแนวทาง รุนแรง จนเกิดจลาจล กลายเป็นกลียุค

หันมาดูของกระแสธรรมกาย ที่มีอยู่ในปัจจุบัน สมาชิกธรรมกายที่มีอยู่หลายแสนคนนั้น ตั้งมั่นอยู่ในวัตรปฏิบัติ ที่งดงาม ตลอดเวลา

การเข้าถึงแก่นแท้ของพระธรรม ของพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางเก่าๆ ที่ปฏิบัติสืบมา ตั้งแต่ครั้งโบราณ

การมุ่งหน้าเข้าหา พระธรรม บริสุทธิ์ ของพระพุทธองค์ ไม่ว่าวิธีไหน ก็ไม่มีอะไรที่จะเรียกได้ว่า ไม่ใช่เส้นทางของชาวพุทธ

ถ้าจะเอาขนบธรรมเนียม ประเพณี มาเป็นบรรทัดฐานกันจริงๆ

การเทศน์ทุกครั้ง ต้องมีธรรมาสน์ ต้องมีการอาราธนาศีล อาราธนาธรรม ต้องเปิดคำภีร์ใบลานออกอ่าน เริ่มด้วยคำบาลี เทศน์คำไทยคำ บาลีคำ แล้วจบด้วยคำว่า เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

การเทศน์ตลกโปกฮา การอัดเทปเสียงเทศน์ออกจำหน่าย แข่งกับอัลบั้มเพลง หรือเทปของโน๊ต เชิญยิ้ม ก็ต้องผิดทั้งหมด

เส้นทางเข้าสู่นิพพาน ไม่ได้มีทางเดียว เทศน์ตลกหรือเทปตลกก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่ง ที่จะชำระจิตใจคนให้เข้าถึงนิพพาน

แม้ว่าเส้นทางนี้ เป็นเสมือนกับการหลอกคน ให้เดินตามไปนิพพาน ก็ตาม

ที่ใช้คำว่าหลอก ก็เพราะคนที่นั่งฟังฮากันตรึมๆ นั้น ไม่มีใครตั้งใจรับธรรมจากท่าน สักเท่าไหร่เลย ร้อยทั้งร้อย ต้องบอกว่า อยากฟังเพราะท่านเทศน์ตลกดีกันทั้งนั้น

ไม่แน่ใจนักว่า หลอกกับโกหกนั้น มันเหมือนกันหรือเปล่า จึงไม่กล้าฟันธงลงไปว่า เป็นการผิดศีลห้าไปข้อหนึ่ง แล้วหรือไม่

ส่วนธรรมกายนั้น ก็บอกกันตรงๆ อยู่แล้วว่า มุ่งพระนิพพาน โดยทางธรรมบริสุทธิ์

ญาติธรรมทั้งหลาย เข้าวัดนี้ก็เพื่อหาความสุขใจ หาความสงบ พยายามเข้าถึงธรรม ด้วยการปฏิบัติธรรม

ไม่ได้คิดมาฟังเทศน์ตลก เพื่อความครื้นเครงแต่ประการใด

การที่ต้องมีการเรี่ยไร ก็น่าจะ เพราะคนเข้าวัดนับแสนๆ คนนั้น ต้องนั่งตามเต็นท์ ล้นจากเต็นท์ก็เป็นร่มไม้ นั่งตามพื้นหญ้าหรือพื้นดิน ก็ควรจะมีการสร้างสถานที่ที่เหมาะสม แก่การหาความสงบในทางธรรม

และคนเห็นว่า ควรจะมีการเผยแพร่ธรรม ให้คนทั้งประเทศ คนทั้งโลก ให้ได้อิ่มเอิบในธรรมของพระพุทธองค์บ้าง

การหาทุนก็ต้องมี

ต้องมีการเรี่ยไรกันบ้าง

การเรี่ยไรก็คือการเรี่ยไร ใครไม่มีกำลังพอ ก็ไม่มีใครว่า

ไม่ทำเลย ก็ไม่มีใครขับออกจากวัด

ธรรมกายปิดปากเงียบมาตลอดเวลา ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี ไม่เคยคิดจะตอบโต้ แต่จิตใจของชาวธรรมกาย แม้ว่าจะถูกฝึกปรือให้อิ่ม ในธรรมะระดับหนึ่ง แล้วก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะบรรลุอรหันต์

เมื่อความอึดอัดถูกเก็บกดไว้มากเข้า จนถึงจุดระเบิดเมื่อใด จึงมีโอกาสมากที่ “สมัชชาอันศักดิ์สิทธิ์” หรือ Sacred Assembly จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เหมือนที่เกิดในกรุงวอชิงตัน

อาจเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ เมื่อแรงอัดมันถึงจุดที่สุดจะทนทานได้

แต่ปรากฏการณ์ลักษณะ Sacred Assembly ที่จะเกิดขึ้นในเมืองไทย จะร้ายแรงและน่าสะพรึงกลัวกว่าที่เกิดในวอชิงตัน หลายเท่านัก

เพราะที่วอชิงตัน สมัชชาศักดิ์สิทธิ์ เกิดจากการรวมตัวกันอย่างสงบ เพื่อสวดมนต์ยืนยันอุดมการณ์ร่วมกัน ของคนร่วมลัทธิ

แต่ Sacred Assembly ที่จะเกิดในเมืองไทย จะเป็นการลุกฮือของคนนับล้าน ที่เป็นญาติธรรม ที่ลุกขึ้นปกป้องตนเอง ที่ถูกกดดันบีบคั้น อยู่ตลอดเวลา ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ผิด ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไร มุ่งประกอบแต่กรรมดี

คนที่ถูกย่ำยี ป้ายสีความผิดให้ หากเกิดลุกฮือขึ้นพร้อมๆ กัน อะไรจะเกิดขึ้น

มุสลิม ที่ยอมตายเพื่อพระศาสนา หากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้านั้น มีมานานแล้ว ตั้งแต่ครั้งอดีตในสงครามครูเสด ปัจจุบันก็ยังมีอยู่ ในรูปขบวนการ Fundamentalist ที่ยอมพลีชีพเพื่อศาสนา จนโลกปั่นป่วนลุกเป็นไฟอยู่ทั่วไปทุกวันนี้

ยังไม่พอหรือ

หรือเราต้องการให้เกิดพุทธพันธุ์ใหม่ เป็นพุทธหัวรุนแรง ขึ้นมาปราบมารศาสนาที่เกาะชายผ้าเหลืองหากินขึ้นบ้าง

หากต้องการอย่างนั้น ก็นิมนต์แสดงคารมอันคมคายของท่าน เพื่อลาภยศสรรเสริญ เพื่อกัณฑ์เทศน์ที่ไหลมาเทมาตามสะดวกเถิด…..สาธุ

“สมีสอ”

1