ปีที่ 2 ฉบับที่ 574 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2542 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล
มหาส. ยื่มมือสื่อ พิฆาต "ธรรมกาย" |
เปิดตัว มหาส. จอมมารผู้ร่าง 6 แผนอุบาทว์ ผู้ตั้งตัวเป็น คุรุ รู้เรื่องศาสนาพุทธดีกว่าใครในแผ่นดิน ชำนาญการด้านสื่อมวลชน เคยโค่นล้มพระชื่อดังของไทยมาหลายรูป เผยวิชชาธรรมกายคือ อาโลกสิณ เพ่งแสงสว่างเป็นอารมณ์ คือ 1 ในวิชชาของพระพุทธเจ้า ด้านลูกศิษย์วัด เตรียมรวมกลุ่มวิเคราะห์แนวทางธรรมกาย ถูกหรือผิด ถ้าถูก เตรียมเดินแผนตอบโต้ ถ้าผิดจะเลิกนับถือตลอดไป รองเจ้าอาวาสยืนยันเจ้าอาวาสไม่มีแม้กระทั่งพาสปอร์ต จะมีกรีนการ์ดได้อย่างไร
มหาส. คนนี้ เป็นนักวิชาการชื่อดัง เมื่อก่อนเคยบวชเป็นพระ จนคนเรียกมหากันทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ความที่แกเป็นคน ติดเหล้า ถูกไล่ออกจากวัดทั้งผ้าเหลือง จึงทำให้ตัวแกเองเลิกเชื่อถือศาสนาพุทธ ทั้งๆ ที่ได้ดิบได้ดีก็เพราะ ข้าวก้นบาตร นี่แหละ แทนที่จะสำนึกในบุญคุณของพระพุทธศาสนา แต่กลับตั้งตัวเป็นผู้รู้ขั้นเอกอุ คอยวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์องค์เจ้า เรียกว่าในแผ่นดินนี้ไม่มีใครมีความรู้ทางศาสนาดีเท่าแก
แค่นั้นยังไม่พอ ยังไปรับออร์เดอร์มารศาสนา เข้ามาทำลายศาสนา โดยร่วมเป็น 1 ในกลุ่ม 12 มาร และเป็นหัวขบวนในการร่างโองการอุบาทว์ทั้ง 6 เนื่องจากเป็นผู้รู้วิธีการใช้สื่อมวลชนเป็นอย่างดี
เสี่ยส. คนนี้แหละ ที่โค่นล้มพระชื่อดังในไทยมาแล้วมากมายหลายองค์ เพราะคนหน้ามืดงมงายทั้งหลายให้ความเชื่อถือแกมาก มีมากมายหลายคนถึงกับไปขอให้แกเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลให้ เพราะนึกว่าแกเป็นคุรุที่หยั่งรู้สรรพสิ่ง เชื่อถือจนกระทั่งขนาดยอมเปลี่ยนนามสกุลลืมบรรพบุรุษของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อรูปการณ์ออกมาเป็นแบบนี้แล้ว เลยเอาไม่ถูกว่า ระหว่างคนที่เข้าวัดพระธรรมกายไปนั่งสมาธิเป็นแสนคน กับคนที่เปลี่ยนชื่อนามสกุลเป็นแสนคน ใครมันจะงมงายกว่าใคร?
พระวัดธรรมกายสั่งสอนให้คนเพ่งลูกแก้ว ซึ่งมีมาในพระไตรปิฎก ในบท อาโลกสิณ คือเพ่งแสงสว่างเป็นอารมณ์ จะเห็นหรือไม่เห็น มันก็ไม่น่าจะผิดกฎหมายอะไร ดีกว่าปล่อยคนเหล่านี้ไปเดินเพ่นพ่านเที่ยวเธค แถวอาร์ซีเอ เยอะ
ท่านผู้อ่านลองถามตัวเองดูว่า ไปเธคกับไปร้านเหล้า อะไรมันสงบกว่ากัน และอันไหนสิ้นเปลืองมากกว่ากัน
พระภาวนาวิริยคุณ หรือหลวงพ่อทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้ชี้แจงว่า ในเรื่องที่สื่อมวลชนโจมตีว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หรือพระธรรมชโย โอนสัญชาติเป็นอเมริกัน และมีกรีนการ์ดนั้น ไม่เป็นความจริงอย่างที่ถูกกล่าวหา
อีกทั้งเพื่อเป็นการยืนยันในเรื่องนี้ให้ชัดเจนโปร่งใส ทางผู้ช่วยเจ้าอาวาสยังได้เดินทางไปยังกระทรวงต่างประเทศ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบอย่างเป็นทางการแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ออกมายืนยันชัดเจนแล้วว่า เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่มีกรีนการ์ดอย่างที่ถูกกล่าวหาแต่ประการใด อีกทั้งยังไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ไม่มีแม้กระทั่งพาสปอร์ต
ส่วนผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ก็คือ ตัวอาตมาเอง เพราะต้องเดินทางไปสั่งสอนลูกศิษย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และยังเป็นเจ้าอาวาสวัดในประเทศดังกล่าวถึง 3 วัด ซึ่งอีกวัดหนึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
รองเจ้าอาวาสยังได้กล่าวถึงกรณีวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการมาทำบุญที่วัดพระธรรมกาย ระวังวัดจะล้มนั้น อาตมาขอยืนยันว่า วัดไม่มีล้ม เพราะพื้นที่ทุกตารางนิ้วเป็นของพระศาสนา ไม่ได้เป็นของเอกชน ส่วนที่เห็นเอกชนเข้ามาก่อสร้างในวัดนั้น เป็นที่รู้กันดีว่า พระก่อสร้างด้วยตนเองไม่ได้
ส่วนเรื่องสีกาอี๊ดนั้น มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้ สามีของสีกาอี๊ด ซึ่งมีฐานะเป็นถึงรองผู้ว่าราชการ ได้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว เพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง
ในเรื่องการทำบุญแบบผ่อนส่ง หรือไดเร็กเซลส์ก็เช่นกัน ทางวัดไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้น แต่มีการพูดกันไปเองจนเกิดความเข้าใจผิด ทำให้ปัจจุบันเกิดความสับสนมากในหมู่คนที่นับถือศาสนาพุทธ
มีรายงานข่าวจากวัดพระธรรมกายแจ้งว่า ขณะนี้กลุ่มลูกศิษย์วัดต่างมีทีท่าไม่พอใจต่อการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชน และได้เตรียมจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเคลื่อนไหว เพื่อทบทวนบทบาทของตัวเองว่า การกระทำของวัดพระธรรมกายถูกต้องหรือไม่ หากผิดก็จะหยุดการนับถือทันที หากถูกต้องก็จะมีการตรวจสอบการกระทำของสื่อมวลชนว่า ถูกหรือผิด และจะมีการเรียกร้องให้ทางวัด หรือมูลนิธิมอบอำนาจให้เกิดการตัดสินอย่างเป็นทางการด้วยการขอความเป็นธรรมจากอำนาจศาล ก่อนที่ศาลสงฆ์จะตัดสินในเรื่องนี้
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ปธ.9) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราชวรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม (ราชบัณฑิต) ได้กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาโจมตีวัดพระธรรมกายว่า
เวลานี้คนไทยเครียดกันมาก สิ่งที่คนไทยจะพึ่งได้ในขณะนี้ก็คือ ศีล ขอให้ตั้งสติให้ดี อย่าให้สติเตลิด เพราะปัญญาจะดับ และจะมองอะไรจนกระทั่งผิดพลาดไปจากข้อเท็จจริง สุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า ผู้ที่เป็นบัณฑิตนั้น เมื่อยังไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้พิจารณาโดยถ่องแท้ บัณฑิตจะไม่พูดเรื่องนั้น
เรื่องผิดก็ต้องว่าตามผิด แม้วัดพระธรรมกายก็ไม่เว้น แต่ขณะนี้อาตมายังหาจุดที่ผิดไม่ได้ เรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กันยังเป็นจุดธรรมดา ข้อดียังมีมากกว่าข้อเสีย โดยเฉพาะเรื่องการเรี่ยไรบริจาคที่เหมือนกับการระดมทุนนั้น ถ้าทางวัดพระธรรมกาย ตั้งธนาคารเอาเงินคนบริจาคมาเก็บไว้ อาตมาเล่นงานนานแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ เงินทั้งหมดที่ได้รับมา ถูกหมุนเวียนกระจายในประเทศ ซึ่งเรากำลังแย่ ถ้ามองในแง่ดีแล้ว เป็นการสร้างงานให้กับประชาชนได้เป็นหมื่นคน ทั้งเรื่องการก่อสร้าง การขายวัสดุก่อสร้าง
ส่วนเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์นั้น มีข้อเสียคือ มีการนำไปพูดกันข้างนอก คนที่ไม่เห็นเขาก็ว่างมงาย ในขณะที่วัดเห็นกันกว่า 2 หมื่นคน มันเป็นเรื่องของความปลื้มปีติในบุญ
สมัย 40 ปีก่อน มีคนไปเวียนเทียนที่วัดปากน้ำ ก็ยังมีคนเห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่กลางดวงจันทร์ จนมีการบันทึกกันมาแล้ว
เรื่องปาฏิหาริย์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่พระพุทธศาสนามาช้านาน และเชื่อว่าคนที่ทำบุญวัดนี้ เขาคุมกันเองอยู่แล้ว เมื่อไหร่คนเข้าไปทำบุญออกมาว่าวัด เมื่อนั้นทางวัดเองก็คงอยู่ไม่ได้