ปีที่ 2 ฉบับที่ 572 วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2542
ความสับสนในวัดพระธรรมกาย ยังเป็นปมประเด็นที่สื่อมวลชน และชาวพุทธทั่วโลกให้ความสนใจ เมืองไทยได้ขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองพุทธ แต่ก็ไม่มีการปิดกั้น ศาสนาอื่นที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนา แม้แต่การพิจารณาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ยังมีการถกเถียงตีความถึงศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
ทั้งที่ความรู้สึกนี้ บรรพชนสั่งสอนอบรมมาหลายชั่วอายุคนแล้วก็ตาม ที่สุด ส.ส.ร. ก็ไม่ได้ระบุในรัฐธรรมนูญว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย เห็นหรือไม่เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สุด หากประเทศไทยไม่มีพุทธศาสนา เป็นภูมิคุ้มกันแล้ว บ้านเมืองเราจะเป็นอย่างไร แต่ขณะนี้มีมารศาสนา ได้กำลังปฏิบัติบ่อนทำลายสถาบันอันเป็นที่หวงแหนของชาวพุทธ ให้เกิดความแตกแยกในหมู่ชาวพุทธ
อธิบดีกรมการศาสนาอยู่ไหน รู้หรือไม่ มารศาสนากำลังปฏิบัติการณ์ปู้ยี่ปู้ยำ คิดการใหญ่ ทำลายล้างพุทธศาสนาเป็นขบวนการ มีการนัดประชุมวางแผนโค่นล้มชนิดถอนรากถอนโคน เป็นที่น่าแปลกใจที่สื่อมวลชนหลายฉบับ คอลัมน์หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่ก่อนหน้านี้เคยเขียนชักชวนให้ประชาชนเข้าไปทำบุญที่วัดพระธรรมกาย แต่ปัจจุบันนี้ กลับเปลี่ยนแนวคิดโจมตีวัดพระธรรมกายอย่างรุ่นแรง
อย่าเพิ่งด่วนพิพากษา ในสิ่งที่เรายังไม่มีหลักฐาน เพราะการกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นไม่ใช่วิสัยของวิญญูชน บ้านเมืองเรามีกฎหมาย มีองค์กรต่างๆ ตรวจสอบ สื่อมวลชนอย่าเพิ่งสับสนหน้าที่ ควรปล่อยให้กระบวนการทางสงฆ์พิจารณาดีกว่า
ปัญหาวัดพระธรรมกาย ที่มีการกล่าวหา ฟ้องร้องสงฆ์องค์เจ้า ทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในเร็ววันนี้ อย่าเพิ่งใจร้อน เพราะร้อนแล้ว รังแต่จะทำให้ผิดพลาด บาปกรรม ตกนรกเปล่าๆ ที่ผ่านมาสื่อบางฉบับก็ประกาศตัวเข้าไปอุ้มสันติอโศก จนถูกสังคมตั้งข้อกังขา มาจนถึงทุกวันนี้ แต่พอมาเกิดเพราะข่าวอดีตสมียันตระ ก็ควรนำบทเรียนที่ผ่านมา ทบทวนตนเองบ้าง บาปกรรม นรกมีจริง