ชัยปริตร ทำให้ประสบชัยชนะ และมีความสุขสวัสดี
๑. มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง
ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา.
พระโลกนาถผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ ทรงบำเพ็ญบารมีครบถ้วนเพื่อประโยชน์แก่สรรพสัตว์
ทรงบรรลุพระสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม ด้วยสัจวาจานี้ ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีทุกเมื่อเทอญ
๒. ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน
เอวะเมวะ ชะโย โหตุ ชะยามิ ชะยะมังคะเล.
ขอข้าพเจ้าจงชนะ เหมือนพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่เคารพรักของเจ้าศากยะทรงชนะ
ณ ควงไม้โพธิ์ ขอข้าพเจ้าจงชนะได้รับชัยมงคลเถิด
๓. อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปุถุวิปุกขะเล
อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ.
[ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุถึงความเป็นเลิศ เบิกบานใจ] เหมือนพระพุทธเจ้าบรรลุธรรมอันประเสริฐ
เบิกบานพระทัยเหนือบัลลังก์แห่งชัยชนะ ณ พ่างพื้นปฐพีอันประเสริฐเลิศแผ่นดิน เป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
๔. สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปปะภาตัง สุหุฏฐิตัง
สุขะโณ สุหุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ.
[วันที่ทำความดีทางกาย วาจา ใจ] เป็นฤกษ์ดี มงคลดี ยามรุ่งดี ยามตื่นดี ขณะดี ครู่ดี
ทานที่ถวายแก่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์[ในวันนั้น]เป็นทานดี
๕. ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธิ เต ปะทักขิณัง
ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ.
กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม และความตั้งใจ[ที่ทำในวันนั้น]เป็นสิ่งที่ดี
เมื่อทำความดีแล้ว ย่อมได้รับผลดี
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต
ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน ขอเหล่าเทพดาทั้งปวง จงรักษาท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อ ฯ
พระปริตรจะมีอานุภาพมาก เมื่อผู้สวดพระปริตรเพียบพร้อมด้วยองค์ ๓
คือ มีเมตตาจิตมุ่งประโยชน์แก่ผู้ฟัง,
สวดถูกอักษร ไม่มีบทพยัญชนะที่ผิดพลาด และ
รู้ความหมายของบทสวด (ที. อฏ. ๓/๑๖๐)
แม้ผู้ฟังพระปริตร ก็ต้องมีองค์ ๓ คือ
ไม่เคยกระทำอนันตริยกรรม ๕ (ฆ่าบิดา, ฆ่ามารดา,
ฆ่าพระอรหันต์, ประทุษร้ายนางภิกษุณี และทำสังฆเภท),
ไม่มีมิจฉาทิฏฐิที่เห็นผิดว่ากรรมและผลกรรมไม่มี
และเชื่อมั่นอานุภาพพระปริตรว่ามีจริง สามารถคุ้มครองผู้ฟังได้ (มิลินท. ๑๑๖)
chruawan@yahoo.com