บทที่ 4
ผลการวิจัย
การนำเสนอผลงานวิจัย เรื่อง "การยอมรับ และการใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม ในเขตกรุงเทพมหานคร" เป็นการศึกษาถึงความแตกต่างระหว่าง ตัวแปรด้านลักษณะทางประชากรและสถานทางสังคม สถานของโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม จำนวน 400 คน กับระดับการยอมรับในนวัตกรรมจากคุณลักษณะต่างๆ ของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียน และหาความสัมพันธ์ระหว่าง ตัวแปร พฤติกรรมการใช้ การยอมรับนวัตกรรม กับการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน รวมถึงการใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกลุ่มครูและกลุ่มนักเรียน ผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน โดยแบ่ง การนำเสนอออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ตอนที่ 1
การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของครู และนักเรียน ได้แก่ 1.1 ข้อมูลของนักเรียน ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษา รายได้(นักเรียน) รายได้ อาชีพ ตำแหน่ง (ผู้ปกครอง) การเป็นเจ้าของเทคโนโลยี 1.2 ข้อมูลของครู ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพการสมรส รายได้ ตำแหน่งงาน ลักษณะงานที่รับผิดชอบ การเป็นเจ้าของเทคโนโลยี 1.3 ข้อมูลของนักเรียน เกี่ยวกับการยอมรับเทคโนโลยี ประกอบด้วย ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ ความเข้ากันได้ ความซับซ้อนยุ่งยาก ความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ สามารถสังเกตเห็นผลได้ 1.4 ข้อมูลของครู เกี่ยวกับการยอมรับเทคโนโลยี ประกอบด้วย ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ ความเข้ากันได้ ความซับซ้อนยุ่งยาก ความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ สามารถสังเกตเห็นผลได้ 1.5 ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ บริการเครือข่ายโรงเรียน ประกอบด้วย สถานที่ใช้ ระยะเวลาที่เคยใช้ ความบ่อยครั้งในการใช้ ช่วงเวลาที่ใช้ 1.6 ข้อมูลเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญการใช้คอมพิวเตอร์และบริการจากเครือข่าย ประกอบด้วย เคยใช้ Internet จากที่อื่นหรือไม่ การมี E - Mail Address การมี Home Page แนะนำตัวเอง การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทต่าง ๆ การเรียนรู้การใช้ Internet การใช้บริการประเภทต่างๆ ในระบบเครือข่าย 1.7 ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารผ่าน เครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม 1.8 ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโรงเรียนของครูและนักเรียนมัธยม ประกอบด้วย ความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง ความต้องการมีการติดต่อทางสังคม ความต้องการสิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง ความต้องการข้อความจริงและความรู้เกี่ยวกับโลก
ตอนที่ 2
การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทดสอบ สมมุติฐาน ได้แก่ 1. การทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับความแตกต่างทางประชากรและสถานะทางสังคม ของกลุ่มครูและกลุ่มนักเรียน กับ การยอมรับเทคโนโลยี การใช้ประโยชน์ จากระบบเครือข่ายโรงเรียน
2. การทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างกลุ่มครู กับ กลุ่มครู ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน กับ การยอมรับเทคโนโลยี และ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน
3. การทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับความแตกต่าง ระหว่าง กลุ่มนักเรียน กับ กลุ่มนักเรียน ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน กับ การยอมรับเทคโนโลยี และ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน
4. การทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่าง การยอมรับเทคโนโลยี กับ การใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม
5. การทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างการยอมรับเทคโนโลยี กับ พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม
6. การทดสอบสมมุติฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่าง การใช้ประโยชน์ กับ พฤติกรรมการใช้ เครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม
ตอนที่ 1
การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะทางประชากร และ สถานทางสังคม ของครูและนัก เรียน
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา โดยแสดงผลเป็นจำนวนและร้อยละ เกี่ยวกับลักษณะทางประชากรของนักเรียน ในเรื่อง เพศ อายุ ระดับชั้นที่กำลังศึกษา สายวิชา รายได้เฉลี่ยจากผู้ปกครอง รายได้ของผู้ปกครอง อาชีพของผู้ปกครอง ตำแหน่งงานของผู้ปกครอง การมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว ปรากฎผลดังต่อไปนี้
1.1 เพศ จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด คือ นักเรียน จำนวน 300 คน เป็น เพศชายมากกว่า เพศหญิง คือ เพศชายร้อยละ 63.0 และเพศหญิงร้อยละ 37.0
1.2 อายุ กลุ่มตัวอย่างที่อายุระหว่าง 15 -17 ปีคิดเป็นร้อยละ 83.0 รองลงมาคือ อายุระหว่าง 12 - 14 ปี คิดเป็น ร้อยละ 14.3 อายุ 18 ปีขึ้นไป ร้อยละ 2.7 ส่วน อายุ ต่ำกว่า 12 ปี คิดเป็นร้อยละ 0
1.3 ระดับชั้นที่กำลังศึกษา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กำลังศึกษาระดับชั้น ม. 4 คิดเป็นร้อยละ 28.7 รองลงมาชั้น ม. 6 คิดเป็นร้อยละ 23.7 ชั้น ม. 5 คิดเป็นร้อยละ 21.3 ชั้น ม.3 คิดเป็นร้อยละ 11.7 ชั้น ม.1 คิดเป็นร้อยละ 2.7 และ ชั้น ม.2 คิดเป็นร้อยละ2.0
1.4 ศึกษาอยู่สายวิชา แบ่งเป็น 2 สายวิชา คือ สายวิทย มากกว่า สายศิลป์ คิดเป็น สายวิทย ร้อยละ 59.0 สายศิลป์ ร้อยละ 41.0
1.5 รายได้เฉลี่ยจากผู้ปกครอง กลุ่มตัวอย่างมีรายได้จากผู้ปกครอง 1,001 - 2,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 37.0 รองลงมา คือ 2,001 - 3,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 31.0 รายได้เฉลี่ย 500 - 1,000บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 14.7 รายได้เฉลี่ย สูงกว่า 3,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 13.3 และ รายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 500 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ3.3 รายได้อื่น คิดเป็นร้อยละ 0.7
1.6 รายได้ของผู้ปกครอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ผู้ปกครองมีรายได้ 20,001 - 40,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 34.0 รองลงมา คือ รายได้ 10,000 - 20,000 บาท / เดือน คิดเป็น ร้อยละ 32.7 ส่วนรายได้ ต่ำกว่า 10,000 บาท / เดือน คิดเป็น ร้อยละ 14.7 รายได้ 40,000 - 60,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 10.3 และ รายได้ สูงกว่า 60,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 8.3
1.7 อาชีพของผู้ปกครอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ผู้ปกครองมีอาชีพ ประกอบธุรกิจส่วนตัว คิดเป็นร้อยละ 38.0 รองลงมาคือ อาชีพ รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ คิดเป็นร้อยละ 24.3 อาชีพ รับจ้างทั่วไป/ใช้แรงงาน /เกษตรกรรม คิดเป็น ร้อยละ 20.7 อาชีพทำงานบริษัทเอกชน คิดเป็นร้อยละ 13.3 และอาชีพอื่นๆ อีกร้อยละ 3.7
1.8 ตำแหน่งงานของผู้ปกครอง ผู้ปกครองของกลุ่มตัวอย่าง ส่วนมาก ดำรงตำแหน่ง เจ้าของกิจการ คิดเป็นร้อยละ 30.7รองลงมาคือ ตำแหน่ง ข้าราชการ/พนักงาน คิดเป็นร้อยละ 26.7 ตำแหน่ง อาชีพอิสระ/แพทย์/ทนายความ/สถาปนิก คิดเป็นร้อยละ 12.0 ผู้บริหารระดับต่ำ/กลาง คิดเป็นร้อยละ 11.3 ผู้บริหารระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 6.3 และตำแหน่งอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 6.0
1.9 การมีคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว คิดเป็นร้อยละ 51.3 ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่มีคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัวนั้น คิดเป็นร้อยละ 48.7
ตารางที่ 1 แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะทางประชากร และ สถานะทางสังคม จำแนกเป็น จำนวน และ ร้อยละ ของนักเรียนมัธยม จำนวน 300 คน
คุณลักษณะทางประชากร และ สถานะทางสังคม จำนวน ร้อยละ ของนักเรียนมัธยม
1. เพศ ชาย 189 63.0 หญิง 111 37.0
2. อายุ ต่ำกว่า 12 ปี - - 12 - 14 ปี 43 14.3 15 - 17 ปี 249 83.0 18 ปี ขึ้นไป 8 2.7
3. กำลังศึกษา ม. 1 8 2.7 ม. 2 6 2.0 ม. 3 35 11.7 ม. 4 116 38.7 ม. 5 64 21.3 ม. 6 71 23.7
4. สายวิชา สายศิลป์ 123 41.0 สายวิทย 177 59.0
5. รายได้ จากผู้ปกครอง ต่ำกว่า 500 บาท 10 3.3 (ประมาณ 10-15 บาท/วัน) 500 - 1000 บาท 44 14.7 (ประมาณ 16-30 บาท/วัน) 1001 - 2000 บาท 111 37.0 (ประมาณ 31-60 บาท/วัน) 2001 - 3000 บาท 93 31.0 คุณลักษณะทางประชากร และ สถานะทางสังคม ความถี่ ร้อยละ % ของนักเรียนมัธยม (ประมาณ 61 - 100 บาท/วัน) สูงกว่า 3000 บาท 40 13.3 (มากกว่า 100 บาท/วัน) อื่นๆ 2 .7
6. รายได้ของผู้ปกครอง ต่ำกว่า 10,000 บาท 44 14.7 10,000 - 20,000 บาท 98 32.7 20,001 - 40,000 บาท 102 34.0 40,000 - 60,000 บาท 31 10.3 60,000 บาท ขึ้นไป 25 8.3
7. อาชีพบิดา รับราชการ / รัฐวิสาหกิจ 73 24.3 ธุรกิจส่วนตัว 144 38.0 ทำงานบริษัทเอกชน 40 13.3 รับจ้างทั่วไป / ใช้แรงงาน 62 20.7 / เกษตรกรรม อื่น ๆ 11 3.7
8. ตำแหน่งของบิดา เจ้าของกิจการธุรกิจ 92 30.7 ผู้บริหารระดับสูง 19 6.3 ผู้บริหารระดับต่ำ / กลาง 34 11.3 ข้าราชการ / พนักงาน 80 26.7 อาชีพอิสระ แพทย์, 21 7.0 ทนายความ, สถาปนิก 36 12.0 ผู้ใช้แรงงาน 18 6.0 อื่นๆ
9. การมีเครื่องคอมพิวเตอร์ มี 146 48.7 ใช้ส่วนตัว ไม่มี 154 51.3 รวม 300 100.0
จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา โดยแสดงผลเป็นจำนวนและร้อยละ เกี่ยวกับลักษณะทางประชากรของครูมัธยม ในเรื่อง เพศ อายุ คุณวุฒิการศึกษา สถานะภาพทางการสมรส รายได้ต่อเดือน การดำรงตำแหน่ง ลักษณะงานที่รับผิดชอบ ปฏิบัติการสอนวิชา การมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว ปรากฎผลดังต่อไปนี้
2.1 เพศ จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด คือ ครูมัธยม จำนวน 100 คน เป็น เพศหญิงมากกว่า เพศชาย คือ เพศหญิงร้อยละ 60.0 และเพศชายร้อยละ 40.0
2.2 อายุ กลุ่มตัวอย่างที่อายุระหว่าง 41 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 44.0 รองลงมาคือ อายุระหว่าง 31 - 40 ปี คิดเป็น ร้อยละ 30.0 อายุระหว่าง 23 - 30 ปี ร้อยละ 16 ส่วน อายุ ต่ำกว่า 23 ปี คิดเป็นร้อยละ 10.0
2.3 ระดับชั้นที่กำลังศึกษา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คุณวุฒิการศึกษาระดับ ปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 82.0 รองลงมาคือระดับ ปริญญาโท คิดเป็นร้อยละ 13.0 ระดับต่ำกว่าปริญญาตรี คิดเป็นร้อยละ 10.0 ส่วนปริญญาเอก และอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 0
2.4 สถานภาพทางการสมรส กลุ่มตัวอย่าง มีสถานะ สมรส มากกว่า โสด คือ สมรส คิดเป็น ร้อยละ 54.0 ส่วน โสด คิดเป็นร้อยละ 46.0
2.5 รายได้ต่อเดือน รายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่ของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ระหว่าง 10,001 - 30,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 62.0 รองลงมา คือต่ำกว่า 10,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 31.0 และ รายได้มากกว่า 30,000 บาท / เดือน คิดเป็นร้อยละ 7.0
2.6 การดำรงตำแหน่ง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีตำแหน่ง เป็น อ. 2 ระดับ 7 คิดเป็นร้อยละ 32.0 รองลงมา ระดับ อ. 1 ระดับ 3-5 คิดเป็นร้อยละ 22.0 ตำแหน่ง อ. 2 ระดับ 6 คิดเป็นร้อยละ 19.0 ครู 1-2 ระดับ 1-2 คิดเป็น ร้อยละ 14.0 ตำแหน่ง อ. 3 ระดับ 8 คิดเป็นร้อยละ 4.0 ตำแหน่งอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 9.0
2.7 ลักษณะงานที่รับผิดชอบ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ จะรับผิดชอบในการสอน คิดเป็นร้อยละ 76.0 รองลงมาคือ สอนและบริหาร คิดเป็นร้อยละ 19.0 ส่วนบริหาร อย่างเดี่ยวคิดเป็น ร้อยละ 5.0
2.8 การปฏิบัติการสอนวิชา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ปฏิบัติการสอน อื่นๆ (คอมพิวเตอร์ ,สังคม ,แนะแนว) คิดเป็นร้อยละ 28.0 รองลงมาคือ สอนวิชา วิทยาศาสตร์ คิดเป็น ร้อยละ 27.0 วิชาคณิตศาสตร์ คิดเป็นร้อยละ 16.0 วิชาภาษาต่างประเทศ คิดเป็นร้อยละ 9.0 ส่วนวิชาภาษาไทยกับศิลปศึกษา เท่ากัน คือ ร้อยละ 6.0 และ วิชาคหกรรมกับวิชาผลานามัย เท่ากัน คือ ร้อยละ 4.0
1.9 การมีคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว คิดเป็นร้อยละ 67.0 ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัวนั้น คิดเป็นร้อยละ 33.0
ตารางที่ 2 แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะทางประชากร และ สถานะทางสังคม จำแนกเป็น จำนวน และ ร้อยละ ของครูมัธยม จำนวน 300 คน
คุณลักษณะทางประชากร และ สถานะทางสังคม จำนวน ร้อยละ ของครูมัธยม
1. เพศ ชาย 40 40.0 หญิง 60 60.0
2. อายุ ต่ำกว่า 22 ปี 10 10.0 23 - 30 ปี 16 16.0 31 - 40 ปี 30 30.0 41 ปี ขึ้นไป 44 44.0
3. คุณวุฒิการศึกษา ต่ำกว่า ปริญญาตรี 5 5.0 ปริญญาตรี 82 82.0 ปริญญาโท 13 13.0 ปริญญาเอก - - อื่นๆ - -
4. สถานภาพทางการสมรส โสด 46 46.0 สมรส 54 54.0
5. รายได้ต่อเดือน ต่ำกว่า 10,000 บาท 31 31.0 10,001 - 30,000 บาท 62 62.0 มากกว่า 30,000 บาท 7 7.0
6. ดำรงตำแหนง ครู 1-2 ระดับ 1-2 14 14.0 อ. 1 ระดับ 3-5 22 22.0 คุณลักษณะทางประชากร และ สถานะทางสังคม จำนวน ร้อยละ ของครูมัธยม อ. 2 ระดับ 6 19 19.0 อ. 2 ระดับ 7 32 32.0 อ. 3 ระดับ 8 4 4.0 อื่นๆ 9 9.0
7. ลักษณะงานที่รับผิดชอบ สอน 76 76.0 บริหาร 5 5.0 สอน - บริหาร 19 19.0 อื่นๆ - -
8. ปฏิบัติการสอนวิชา วิทยาศาสตร์ 27 27.0 คณิตศาสตร์ 16 16.0 ภาษาไทย 6 6.0 ภาษาต่างประเทศ 9 9.0 ผลานามัย 4 4.0 คหกรรม 4 4.0 ศิลปศึกษา 6 6.0 อื่นๆ 28 28.0
9. มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว มี 67 67.0 ไม่มี 33 33.0 รวม 100 100.0
ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการยอมรับเทคโนโลยี ของนักเรียนมัธยม จำนวน 300 คน โดยจำแนกเป็น ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน ระดับความคิดเห็น เห็นด้วย ค่อนข้าง ไม่ ไม่ค่อย ไม่เห็นด้วย การยอมรับเทคโนโลยี อย่างยิ่ง เห็นด้วย แน่ใจ เห็นด้วย อย่างยิ่ง (%) (%) (%) (%) (%) X SD
ความได้เปรียบเชิงเทียบ
1. การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ Schoolnet 37.7 43.3 13.3 4.0 1.7 4.11 .89 เป็นการสื่อสารที่รวดเร็วและสดวกสบาย 2. การสื่อสารผ่านระบบ SchoolNet ทำ 26.3 41.0 26.7 6.0 - 3.87 .87 ให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา 3. การใช้บริการเครือข่ายระบบ SchoolNet 30.3 42.7 23.7 2.3 1.0 3.99 .85 4. ทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ
ความเข้ากันได้
4. บริการระบบเครือข่ายSchoolNetมีความเหมาะ 30.3 42.7 23.7 2.3 1.0 3.91 .87 สมและเข้ากันได้กับการเรียนการสอนของท่าน 5. SchoolNet เป็นระบบสื่อสารเมาะสม 26.3 45.7 22.0 5.0 1.0 3.90 .89 ที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมและสังคมไทย
ความซับซ้อนยุ่งยาก
6. ความสลับซับซ้อน ของระบบสื่อสารผ่าน 28.0 40.7 25.3 5.3 .7 3.54 .90 เครือข่าย SchoolNet มีน้อยกว่าระบบอื่น 7. สามารถเรียนรู้วิธีใช้ได้ง่ายและช่วยลด 16.3 32.0 43.7 6.0 2.0 3.88 .89
ขั้นตอนในการค้นคว้าหาความรู้ ระดับความคิดเห็น เห็นด้วย ค่อนข้าง ไม่ ไม่ค่อย ไม่เห็นด้วย การยอมรับเทคโนโลยี อย่างยิ่ง เห็นด้วย แน่ใจ เห็นด้วย อย่างยิ่ง (%) (%) (%) (%) (%) X SD
ความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ 8. สามารถทดลองใช้โปรแกรมต่างได้ตามที่ต้องการ 25.3 45.7 22.0 6.0 1.0 3.91 .91 9. สามารถทดลองใช้บริการต่างได้ตามที่ต้อง 28.0 43.0 23.0 4.0 2.0 3.77 .94
ความสามารถสังเกตเห็นผลได้ 10.เห็นคนอื่นใช้ SchoolNet แล้วสามารถช่วยเพิ่ม 24.0 39.3 28.0 7.3 1.4 3.77 .95 ประสิทธิภาพ การเรียนการสอนจึงทำตาม 11.เมื่อใช้แล้วรู้สึกว่าสามารถเพิ่มประสิทธิ 23.7 41.3 25.7 7.7 1.7 3.74 .96 ภาพการเรียนการสอนได้จริง
จากตารางที่ 3 พบว่าการยอมรับนวัตกรรมเทคโนโลยี เครือข่าย อินเตอร์เนต ตามความเห็นของ นักเรียน กลุ่มตัวอย่าง ดังนี้
อันดับที่ 1 ยอมรับมากที่สูดได้แก่ การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ เครือข่ายโรงเรียน เป็นการสื่อสารที่รวดเร็วและสดวกสบาย ร้อยละ 37.7 รองลงมา คือ การใช้บริการระบบเครือข่ายโรงเรียนทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ ร้อยละ 30.3 และ บริการระบบเครือข่ายโรงเรียน มีความเหมาะสมและเข้ากันได้กับการเรียนการสอนของท่าน ร้อยละ 30.3
อันดับที่ 2 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ เครือข่ายโรงเรียน เป็นระบบสื่อสารเมาะสมที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมและสังคมไทย ร้อยละ 45.7 รองลงมา คือ สามารถทดลองใช้โปรแกรมต่างๆได้ตามที่ต้องการ ร้อยละ 45.7 และ การติดต่อสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน เป็นการสื่อสารที่รวดเร็วและสดวกสบาย ร้อยละ 43.3
อันดับที่ 3 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ สามารถเรียนรู้วิธีใช้ได้ง่ายและช่วยลดขั้นตอนในการค้นคว้าหาความรู้ ร้อยละ 43.7 รองลงมา คือ เห็นคนอื่นใช้ เครือข่ายโรงเรียน แล้วสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การเรียนการสอนจึงทำตาม ร้อยละ 28.0 และ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียนทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา ร้อยละ 26.7
อันดับที่ 4 ยอมรับมากที่สุด ได้แก่ เมื่อใช้แล้วรู้สึกว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนได้จริง ร้อยละ 7.7 รองลงมา คือ เห็นคนอื่นใช้เครือข่ายโรงเรียนแล้วสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การเรียนการสอนจึงทำตาม ร้อยละ 7.3 และ สามารทดลองใช้โปรแกรมต่างๆได้ตามที่ต้องการ ร้อยละ 6.0
อันดับที่ 5 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ สามารถทดลองใช้บริการต่างๆได้ตามต้องการ ร้อยละ 2.0 รองลงมา คือ สามารถเรียนรู้วิธีใช้ได้ง่ายและช่วยลดขั้นตอนในการค้นคว้าหาความรู้ ร้อยละ 2.0 และ เมื่อใช้แล้วรู้สึกว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน ร้อยละ 2.0
สรุป นักเรียนมัธยม กลุ่มตัวอย่าง มีการยอมรับนวัตกรรมเทคโนโลยี จากคุณลักษณะมากที่สุด ดังนี้
1. การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน เป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและสดวกสบาย 2. การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน ทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ 3. บริการในระบบเครือข่ายโรงเรียน มีความเหมาะสมกับการเรียนการสอนของท่าน
ตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการยอมรับเทคโนโลยี ของครูมัธยม จำนวน 100 คน โดยจำแนกเป็น ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน
ระดับความคิดเห็น เห็นด้วย ค่อนข้าง ไม่ ไม่ค่อย ไม่เห็นด้วย การยอมรับเทคโนโลยี อย่างยิ่ง เห็นด้วย แน่ใจ เห็นด้วย อย่างยิ่ง (%) (%) (%) (%) (%) X SD
ความได้เปรียบเชิงเทียบ 1. การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ Schoolnet 25.0 48.0 23.0 2.0 2.0 3.92 .86 เป็นการสื่อสารที่รวดเร็วและสดวกสบาย 2. การสื่อสารผ่านระบบ SchoolNet ทำ 24.0 38.0 22.0 15.0 1.0 3.69 1.03 ให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา 3. การใช้บริการเครือข่ายระบบ SchoolNet 23.0 46.0 31.0 - - 3.92 .85 ทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ
ความเข้ากันได้ 4. บริการระบบเครือข่ายSchoolNet มี 18.0 42.0 34.0 5.0 1.0 3.71 .85 ความเหมา สมและเข้ากันได้กับ การเรียนการสอนของท่าน 5. SchoolNet เป็นระบบสื่อสารเมาะสม 22.0 39.0 26.0 10.0 3.0 3.67 1.02 ที่จะเผยแพร่วัฒนธรรมและสังคมไทย
ความซับซ้อนยุ่งยาก 6. ความสลับซับซ้อน ของระบบสื่อสารผ่าน 13.0 31.0 41.0 11.0 4.0 3.38 .38 เครือข่าย SchoolNet มีน้อยกว่าระบบอื่น 7. สามารถเรียนรู้วิธีใช้ได้ง่ายและช่วยลด 23.0 33.0 32.0 9.0 3.0 3.64 1.03 ขั้นตอนในการค้นคว้าหาความรู้
ระดับความคิดเห็น เห็นด้วย ค่อนข้าง ไม่ ไม่ค่อย ไม่เห็นด้วย การยอมรับเทคโนโลยี อย่างยิ่ง เห็นด้วย แน่ใจ เห็นด้วย อย่างยิ่ง (%) (%) (%) (%) (%) X SD
ความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ 8. สามารถทดลองใช้โปรแกรมต่าง 11.0 49.0 32.0 6.0 2.0 3.61 .83 ได้ตามที่ต้องการ 9. สามารถทดลองใช้บริการต่างได้ตามที่ต้อง 15.0 45.0 32.0 6.0 2.0 3.65 .88
ความสามารถสังเกตเห็นผลได้ 10.เห็นคนอื่นใช้ SchoolNet แล้วสามารถ 13.0 40.0 31.0 14.0 2.0 3.48 .95 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การเรียน การสอนจึงทำตาม 11.เมื่อใช้แล้วรู้สึกว่าสามารถเพิ่มประสิทธิ 13.0 40.0 40.0 6.0 1.0 3.58 .83 ภาพการเรียนการสอนได้จริง
จากตารางที่ 4 พบว่าการยอมรับนวัตกรรมเทคโนโลยี เครือข่ายโรงเรียน ของ ครูมัธยมกลุ่มตัวอย่าง ดังนี้
อันดับที่ 1 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน เป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและสดวกสบาย ร้อยละ 25.0 รองลงมา คือ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียนทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย ร้อยละ 24.0 และ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียนทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ ร้อยละ 23.0 อันดับที่ 2 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ สามารถทดลองใช้โปรแกรมต่างๆได้ตามที่ต้องการ ร้อยละ 49.0 รองลงมา คือ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน เป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและสดวกสบาย ร้อยละ 48.0 และ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียนทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ ร้อยละ 46.0 อันดับที่ 3 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ ความสลับซับซ้อน ของระบบสื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียน มีน้อยกว่าระบบอื่น ร้อยละ 41.0 รองลงมา คือ เมื่อใช้แล้วรู้สึกว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนได้จริง 40.0 อันดับที่ 4 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน ทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย ร้อยละ 15.0 รองลงมา เห็นคนอื่นใช้เครือข่ายโรงเรียนแล้วสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนจึงทำตาม ร้อยละ 14.0 และ ความสลับซับซ้อน ของระบบสื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียนมีน้อยกว่าระบบอื่น ร้อยละ 11.0 อันดับที่ 5 ยอมรับมากที่สุดได้แก่ ความสลับซับซ้อน ของระบบสื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียนมีน้อยกว่าระบบอื่น ร้อยละ 4.0 รองลงมา คือ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียนเป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและสดวกสบาย ร้อยละ 3.92 และ การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียนทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ ร้อยละ 3.92
สรุป ครูมัธยม กลุ่มตัวอย่าง มีการยอมรับนวัตกรรมเทคโนโลยี จากคุณลักษณะมากที่สุด ดังนี้
1. การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน เป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและสดวกสบาย 2. การสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน ทำให้ท่านเป็นคนทันสมัยอยู่เสมอ 3. บริการในระบบเครือข่ายโรงเรียน มีความเหมาะสมกับการเรียนการสอนของท่าน
จะเห็นว่ามีประเด็นหน้าสนใจ คือ กลุ่มนักเรียน และกลุ่มครู มีการยอมรับเทคโนโลยี เหมือนกัน คือ เทคโนโลยีจะทำให้ เป็นคนทันสมัย สดวกสบาย และคิดว่าเหมาะสมกับการเรียนการสอน แสดงให้เห็นว่า ทั้งครูและนักเรียน มีทัศนคติ ระบบเครือข่ายโรงเรียน จากคุณลักษณะเด่นของเทคโทโลยี
ตารางที่ 6 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ เครือข่ายโรงเรียน ของนักเรียนมัธยม
พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียน นักเรียน จำนวน ร้อยละ
1. ท่านใช้บริการ SchoolNet จากที่ใด 1. ใช้ที่บ้าน 28 9.3 2. ใช้ที่โรงเรียน 221 73.7 3. ใช้ที่ศูนย์การค้า 17 5.7 4. ใช้ทั่งที่บ้านและโรงเรียน 21 7.0 5. ใช้ทั่งที่บ้านและโรงเรียนศูนย์การค้า 4 1.3 6. อื่น ๆ 9 3.0
2. ท่านใช้บริการ SchoolNet มาเป็นเวลา 1. น้อยกว่า 3 เดือน 161 53.7 2. 3 - 6 เดือน 75 25.0 3. 6 - 12 เดือน 21 7.0 4. มากกว่า 12 เดือน 31 10.3 5. อื่นๆ 12 4.0
3. ท่านใช้เวลาโดยประมาณนานเพียงใด กับการใช้บริการ SchoolNet 1. มากกว่า 60 นาที / วัน 73 24.3 2. 30 นาที - 60 นาที / วัน 52 17.3 3. 15 นาที - 29 นาที / วัน 109 36.3 4. น้อยกว่า 15 นาที / วัน 66 22.0
4. ท่านใช้บริการ SchoolNet บ่อยครั้ง 1. ทุกวัน 135 45.0 2. 3 - 6 วัน / สัปดาห์ 100 33.3 3. 1 - 2 วัน / สัปดาห์ 51 17.0 4. นาน ๆ ครั้ง 14 4.7
5. ช่วงเวลาที่ท่านใช้บริการSchoolNet 1.เวลาเรียนเวลาสอน 110 36.7 2. เวลาพักกลางวัน 46 15.3 3.หลังเวลาเรียนเวลาสอน 76 25.3 4.กลางคืน 25 8.3 5.วันหยุด 37 12.3 6. อื่น ๆ 6 2.0
จากตาราที่ 6 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง นักเรียน ใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน จากที่ โรงเรียนมากที่สุดคิดเป็น ร้อยละ 73.7 รองลงมา ใช้ที่บ้าน ร้อยละ 9.3 และใช้ที่บ้านและที่โรงเรียน ร้อยละ 7.0 ระยะเวลาที่นักเรียนเคยใช้บริการเครือข่ายโรงเรียนมากที่สุด คือ มาเป็นเวลาน้อยกว่า 3 เดือน ร้อยละ 53.7 รองลงมา ใช้มาเป็นเวลา 3 - 6 ร้อยละ25.0 ส่วนใช้มามากกว่า 12 เดือน ร้อยละ 10.3 นักเรียน ใช้เวลานานเพียงใดในการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน แต่ละครั้ง ส่วน มาก ใช้เวลา 15 นาที - 29 นาที / วัน ร้อยละ 36.3 รองลงมา มากกว่า 60 นาที / วัน ร้อยละ 24.3 และ น้อยกว่า 15 นาที / วัน ร้อยละ 22.0 ความบ่อยครั้งในการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน ของนักเรียน ใช้บริการมากสุด คือ ทุกวัน คิดเป็นร้อยละ 45.0 รองลงมาคือ 3 -6 วัน / สัปดาห์ ร้อยละ 33.0 และ 1 - 2 วัน / สัปดาห์ ร้อยละ 17.0 ช่วงเวลาที่ นักเรียน เข้าใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน ช่วงเวลาที่ใช้บริการมากสุด คือ เวลาเรียนเวลาสอน คิดเป็นร้อยละ 63.7 รองลงมา ช่วงเวลาหลังเวลาเรียนเวลาสอน ร้อยละ 25.3 และเวลาพักลางวัน ร้อยละ 15.3
ตารางที่ 7 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ เครือข่ายโรงเรียน ของครูมัธยม
พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียน ครู จำนวน ร้อยละ
1. ท่านใช้บริการ SchoolNet จากที่ใด 1. ใช้ที่บ้าน 11 11.0 2. ใช้ที่โรงเรียน 56 56.0 3. ใช้ที่ศูนย์การค้า 5 5.0 4. ใช้ทั่งที่บ้านและโรงเรียน 18 18.0 5. ใช้ทั่งที่บ้านและโรงเรียนศูนย์การค้า 5 5.0 6. อื่น ๆ 5 5.0
2. ท่านใช้บริการ SchoolNet มาเป็นเวลา 1. น้อยกว่า 3 เดือน 32 32.0 2. 3 - 6 เดือน 33 33.0 3. 6 - 12 เดือน 14 14.0 4. มากกว่า 12 เดือน 14 14.0 5. อื่นๆ 7 7.0
3. ท่านใช้เวลาโดยประมาณนานเพียงใด กับการใช้บริการ SchoolNet 1. มากกว่า 60 นาที / วัน 13 13.0 2. 30 นาที - 60 นาที / วัน 30 30.0 3. 15 นาที - 29 นาที / วัน 30 30.0 4. น้อยกว่า 15 นาที / วัน 27 27.0
4. ท่านใช้บริการ SchoolNet บ่อยครั้ง 1. ทุกวัน 6 6.0 2. 3 - 6 วัน / สัปดาห์ 19 19.0 3. 1 - 2 วัน / สัปดาห์ 26 26.0 4. นาน ๆ ครั้ง 49 49.0
5. ช่วงเวลาที่ท่านใช้บริการSchoolNet 1.เวลาเรียนเวลาสอน 15 15.0 2. เวลาพักกลางวัน 22 22.0 3.หลังเวลาเรียนเวลาสอน 43 43.0 4.กลางคืน 8 8.0 5.วันหยุด 8 8.0 6. อื่น ๆ 4 4.0
จากตารางที่ 7 พบว่า กลุ่มตัวอย่างครู ใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน จากที่ โรงเรียนมากที่สุดคิดเป็น ร้อยละ 56.0 รองลงมา ใช้ที่บ้านและโรงเรียน ครู ร้อยละ 18.0 และใช้ที่บ้าน ครู ร้อยละ 11.0 ระยะเวลาที่ครู เคยใช้บริการเครือข่ายโรง มาเป็นเวลาน้อยกว่า 3 เดือน ร้อยละ 32.0 รองลงมา ใช้มาเป็นเวลา 3 - 6 ร้อยละ 33.0 และ ใช้มาเป็นเวลา 6 - 12 เดือน ครู ร้อยละ 14.0 ครู ใช้เวลานานเพียงใดในการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน แต่ละครั้ง พบว่าใช้มากที่สุด คือ ใช้เวลา 30 นาที - 60 นาที / วัน ร้อยละ 30.0 รองลงมา คือ 15 นาที่ - 29 นาที / วัน ร้อยละ30.0 และ น้อยกว่า 15 นาที / วัน ร้อยละ 27.0 ความบ่อยครั้งในการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน ของครู พบว่า ใช้นาน ๆ ครั้ง มากสุด ร้อยละ 49.0 รองลงมา 1 -2 วัน / สัปดาห์ ร้อยละ 26.0 และ 3 - 6 วัน / สัปดาห์ ร้อยละ 19.0 ช่วงเวลาที่ครูเข้าใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ หลังเวลาเรียนเวลาสอน คิดเป็นร้อยละ 43.0 รองลงมา คือ เวลาพักกลางวัน ร้อยละ 22.0 และ เวลาเรียนเวลาสอน ร้อยละ 15.0 เพื่อให้เห็นความแตกต่างในพฤติกรรมการใช้ เครือข่ายโรงเรียนระหว่าง ครู กับ นักเรียนมัธยม ให้ชัดเจนขึ้น ผู้วิจัย ได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบกัน อย่างในตารางที่ 8 ดังนี้
ตารางที่ 8 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ เครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม
พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียน ครู นักเรียน จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ
1. ท่านใช้บริการ SchoolNet จากที่ใด 1. ใช้ที่บ้าน 11 11.0 28 9.3 2. ใช้ที่โรงเรียน 56 56.0 221 73.7 3. ใช้ที่ศูนย์การค้า 5 5.0 17 5.7 4. ใช้ทั่งที่บ้านและโรงเรียน 18 18.0 21 7.0 5. ใช้ทั่งที่บ้านและโรงเรียนศูนย์การค้า 5 5.0 4 1.3 6. อื่น ๆ 5 5.0 9 3.0
2. ท่านใช้บริการ SchoolNet มาเป็นเวลา 1. น้อยกว่า 3 เดือน 32 32.0 161 53.7 2. 3 - 6 เดือน 33 33.0 75 25.0 3. 6 - 12 เดือน 14 14.0 21 7.0 4. มากกว่า 12 เดือน 14 14.0 31 10.3 5. อื่นๆ 7 7.0 12 4.0
3. ท่านใช้เวลาโดยประมาณนานเพียงใด กับการใช้บริการ SchoolNet 1. มากกว่า 60 นาที / วัน 13 13.0 73 24.3 2. 30 นาที - 60 นาที / วัน 30 30.0 52 17.3 3. 15 นาที - 29 นาที / วัน 30 30.0 109 36.3 4. น้อยกว่า 15 นาที / วัน 27 27.0 66 22.0
4. ท่านใช้บริการ SchoolNet บ่อยครั้ง 1. ทุกวัน 6 6.0 135 45.0 2. 3 - 6 วัน / สัปดาห์ 19 19.0 100 33.3 3. 1 - 2 วัน / สัปดาห์ 26 26.0 51 17.0 4. นาน ๆ ครั้ง 49 49.0 14 4.7
5. ช่วงเวลาที่ท่านใช้บริการSchoolNet 1.เวลาเรียนเวลาสอน 15 15.0 110 36.7 2. เวลาพักกลางวัน 22 22.0 46 15.3 3.หลังเวลาเรียนเวลาสอน 43 43.0 76 25.3 4.กลางคืน 8 8.0 25 8.3 5.วันหยุด 8 8.0 37 12.3 6. อื่น ๆ 4 4.0 6 2.0
จากตารางที่ 8 พบว่า มีประเด็นหน้าสนใจ หลายประการ ประการแรก คือกลุ่มตัวอย่างครู มีประสพการในการใช้เครือข่ายมาก่อน นักเรียน จากข้อมูลจากการตอบแบบสอบถาม คือ ครู จะเคยใช้บริการ เครือข่ายโรงเรียนมาแล้ว ประมาณ 3 - 6 เดือน คิดเป็นร้อยละ 33.0 ส่วนนักเรียน จะมีประสพการน้อยกว่า คือ เคยใช้มาแล้ว น้อยกว่า 3 เดือน ส่วนสถานที่ในการใช้นั้น ทั้งครู และ นักเรียน จะใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน จากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน ครู ร้อยละ 56.0 นักเรียน ร้อยละ 73.7 ช่วงเวลาที่ ใช้ ครูส่วนใหญ่จะใช้ช่วงหลังเวลาเรียนเวลาสอน ร้อยละ 43.0 ส่วน นักเรียนใช้ช่วงเวลาเรียนเวลาสอน ร้อยละ 36.7 และหลังเวลาเรียนเวลาสอน ร้อยละ 25.3 แต่ระยะเวลาในการใช้ แตกต่างกัน คือครู จะใช้เวลามากกว่านักเรียน คือ จะใช้เวลาประมาณ 30 - 60 นาที่ / ครั้ง ส่วนนักเรียน จะมี ทั้ง เวลา 15 - 30 นาที / ครั้ง และ มากกว่า 60 นาที / ครั้ง และยิ่งพิจารณาในความบ่อยครั้งและ ปรากฎว่าแต่ต่างกันมาก คือ ครู จะใช้ นานๆ ครั้ง ร้อยละ 49.0 ส่วนนักเรียน จะใช้ ทุกวัน ถึงร้อนละ 45.0 และ 3 - 6 ครั้ง / สัปดาห์ รอยละ 33.3 จากข้อมูลวิเคราะห์ได้ว่า ครูจะใช้เวลาหว่างหลังเวลาสอน มาใช้บริการ นานๆ ครั้ง แต่ละครั้งจะใช้เวลานาน ๆ ส่วนนักเรียน ส่วนมาจะใช้ในช่วงเวลาเรียน ซึ่งมีการสอนทุกวัน และใช้เวลา ในการเรียน ประมาณ 60 นาที และมีนักเรียนบางส่วนที่ไม่ได้เรียนคอมพิวเตอร์แต่สนใจจะใช้บริการ จึงมีกลุ่มที่ใช้ เวลาน้อย คือ ประมาณ 15 - 30 นาที่ / ครั้ง และ 3-6 วันต่อสัปดาห์ เนื่องจากต้องจองคิวใช้
เพื่อให้เห็นปริมาณความบ่อยครั้งในการใช้ ผู้วิจัยได้ สร้างกรอบ เพื่อวัด ปริมาณการใช้ โดยนำข้อมูล จากความบ่อยครั้งในการใช้ กับระยะเวลาที่ใช้งาน เพื่อหาปริมาณการใช้เวลาในการใช้บริการผ่านเครือข่ายโรงเรียน ตามเกณฑ์ ผลตามตารางที่ 9 ดังนี้ ความบ่อยครั้งในการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน ทุกวัน ให้ 4 คะแนน 3 - 6 วัน / สัปดาห์ ให้ 3 คะแนน 1 - 2 วัน / สัปดาห์ ให้ 2 คะแนน นาน ๆ ครั้ง ให้ 1 คะแนน ระยะเวลาในการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน มากกว่า 60 นาที ให้ 4 คะแนน 30 นาที - 60 นาที ให้ 3 คะแนน 15 นาที - 30 นาที ให้ 2 คะแนน น้อยกว่า 15 นาที ให้ 1 คะแนน ปริมาณการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน พิจารณาจากผลคูณของคะแนนความบ่อยครั้งในการใช้งานกับคะแนนระยะเวลาในการใช้งาน และได้ผลการวิเคราะห์ตามตารางที่ 9 ดังนี้ 12 -16 คะแนน มีการใช้งานมาก 6 - 11 คะแนน มีการใช้งานปานกลาง 1 - 5 คะแนน มีการใช้งานน้อย
ตารางที่ 9 : ผลการวิเคราะห์ความบ่อยครั้งในการใช้งานจากผลคูณ ของคะแนนความบ่อยครั้ง ระยะเวลาในการใช้งาน
ความบ่อยครั้งในการใช้ ครู นักเรียน จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 12-16 คะแนน มีการใช้งานมาก 27 27.0 30 10.0 6-11 คะแนน มีการใช้ปานกลาง 35 35.0 107 35.7 1-5 คะแนน มีการใช้น้อย 38 38.0 163 54.3
จากตารางที่ 6 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ทั้งครู และ นักเรียน มีความบ่อยครั้งในการใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน อยู่ในระดับ 1 - 5 คะแนน คือ มีการใช้น้อย ครูคิดเป็นร้อยละ 38.0 นักเรียน ร้อยละ 54.3 ส่วน คะแนน 6 - 11 คะแนน คือ การใช้ปานกลาง ครูคิดเป็นร้อยละ 35.0 นักเรียน ร้อยละ 35.7 และ 12 - 16 คะแนน มีการใช้งานมาก ครู คิดเป็นร้อยละ 27.0 นักเรียน ร้อยละ 10.0
ปัจจัยหนึ่งของการยอมรับเทคโนโลยี ก็ คือ ชำนาญและความเชี่ยวชาญ ในเทคโนโลยี นั้นๆ ผู้วิจัยได้ใช้ เครื่องวัดความเชี่ยวชาญ โดย ใช้ แบบสอบถามเกี่ยวข้องกับ การใช้ บริการต่าง ๆ ของเครือข่าย และ การใช้ โปรมแกรมคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการวัด ตามตารางที่ 10
ตารางที่ 10 ผลการวิเคราะห์ ข้อมูลเกี่ยวกับความเชียวชาญการใช้คอมพิวเตอร์และบริการจาก เครือข่ายนักเรียน พฤติกรรมการใช้/ความเชียว นักเรียน จำนวน ร้อยละ
1. ท่านใช้บริการ Internet จากที่อื่น 1. ใช้ 137 45.7 2 ไม่ใช้ 163 54.3
2. ท่านมี E-Mail Address ใช้ส่วนตัว 1.มี 115 38.3 2. ไม่มี 185 61.7
3. ท่านมี Home Page แนะนำตัวเอง 1มี 55 18.3 2. ไม่มี 245 81.7
จากตารางที่ 10 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง นักเรียน มีการใช้ระบบเครือข่าย อินเตอร์เนต จากที่อื่น เคยใช้ คิดเป็นร้อยละ 45.7 ไม่เคยใช้ ร้อยละ 54.3 ส่วนใหญ่นักเรียนไม่มี E-Mail Address ร้อยละ 61.7 ส่วนกลุ่มที่มี E - Mail Address ร้อยละ 38.3 Home Page แนะนำตัวเอง นักเรียนส่วนใหญ่ไม่มี คิดเป็นร้อยละ 81.7 ส่วนกลุ่มที่มี Home Page แนะนำตัวเอง ร้อยละ 18.3
ตารางที่ 11 ผลการวิเคราะห์ ข้อมูลเกี่ยวกับความเชียวชาญการใช้คอมพิวเตอร์และบริการจาก เครือข่ายนักเรียน พฤติกรรมการใช้/ความเชียว ครู จำนวน ร้อยละ
1. ท่านใช้บริการ Internet จากที่อื่น 1. ใช้ 52 52.0 2 ไม่ใช้ 48 48.0
2. ท่านมี E-Mail Address ใช้ส่วนตัว 1.มี 35 35.0 2. ไม่มี 65 65.0
3. ท่านมี Home Page แนะนำตัวเอง 1. มี 12 12.0 2. ไม่มี 88 88.0
จากตารางที่ 11 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ครู มีการใช้ระบบเครือข่าย อินเตอร์เนต จากที่อื่น กลุ่มครู คิดเป็น ร้อยละ 52.0 ไม่เคยใช้ ร้อยละ 48.0 ส่วนครูไม่มี E-Mail Address คิดเป็น ร้อยละ 65.0 ส่วนครูที่มี E - Mail Address คิดเป็นร้อยละ 35.0 Home Page แนะนำตัวเอง ครูส่วนใหญ่ไม่มี ครูคิดเป็น ร้อยละ 88.0 ละ 81.7 ส่วนครูที่มี Home Page แนะนำตัวเอง ครูคิดเป็น ร้อยละ 12.0 เพื่อให้เห็นความแตกต่าง เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญในการใช้บริการเครือข่าย ทั้ง ครู และนักเรียนอย่างชัดเจน ผู้วิจัย ได้นำข้อมูล มาเปรียบเทียบ ตามตารางที่ 12 ดังนี้
ตารางที่ 12 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ ความเชียวชาญการใช้คอมพิวเตอร์และบริการ จากเครือข่าย เปรียบเทียบ ระหว่าง ครู กับ นักเรียน พฤติกรรมการใช้/ความเชียว ครู นักเรียน จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ
1. ท่านใช้บริการ Internet จากที่อื่น 1. ใช้ 52 52.0 137 45.7 2 ไม่ใช้ 48 48.0 163 54.3
2. ท่านมี E-Mail Address ใช้ส่วนตัว 1.มี 35 35.0 115 38.3 2. ไม่มี 65 65.0 185 61.7
3. ท่านมี Home Page แนะนำตัวเอง 1มี 12 12.0 55 18.3 2. ไม่มี 88 88.0 245 81.7
จากตารางที่ 12 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียน มีการใช้ระบบเครือข่าย อินเตอร์เนต พิจารณาจากการมี E -Mail Address และ การมี Home Page แนะนำตัวเอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกันคือ ไม่มี E-Mail Address ครู ไม่มี ร้อยละ 65.0 ส่วนนักเรียนร้อยละ 61.7 และ Home Page ครูไม่มี ร้อยละ 88.0 นักเรียน ร้อยละ 81.7 แต่ประเด็นที่หน้าสนใจก็คือ พบว่าครู มีการใช้บริการ Internet นอกเหนือจากการใช้บริการจากเครือข่ายโรงเรียน ถึงร้อยละ 52 ในขณะที่นักเรียน ยังมีการใช้บริการ Internet จากที่อื่น เพียง ร้อยละ 45.7 ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่า ครู ที่มีการใช้บริการ Internet จากที่อื่นมาก หน้ามาจากปัจจัย ด้าน รายได้ ที่มีสถานะสูงกว่า นักเรียน และเมื่อพิจารณาการครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์ของครู มีใช้ส่วนตัว มาก ร้อยละ 67.0 ก็เป็นข้อมูลที่มาสนับสนุน ว่าครูจะมีการใช้ Internet จากที่อื่น สูงกว่านักเรียน สำหรับความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์ ประเภทต่าง ของ ครู และ นักเรียน เพื่อเปรียบเทียบ ให้เห็นความแตกต่าง ผู้วิจัยได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียนให้เห็น ตามตารางที่ 13 ตารางที่ 13 ความสามารถใช้โปรแกรม คอมพิวเตอร์ ประเภทต่างๆ ของกลุ่มตัวอย่าง
. ท่านสามารถใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรม ครู นักเรียน (เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ
1. World Processing 88(100) 88.0 143(300) 47.7 2. Spread Sheet 5(100) 5.0 121(300) 40.3 3. Database 31(100) 31.0 40(300) 13.3 4. Graphics Art 31(100) 31.0 80(300) 26.7 5. อื่นๆ 1(100) 1.0 2(300) .7
จากตารางที่ 13 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความเชี่ยวชาญในการใช้ โปรแกรม World Processing ครูคิดเป็นร้อยละ 88.0 นักเรียน คิดเป็นร้อยละ 47.7 รองลงมาสำหรับครู ใช้โปรแกรม Database ร้อยละ 31.0 นักเรียนใช้โปรแกรม Spread Sheet คิดเป็นร้อยละ 40.3 และโปรแกรม Graphics Art ครูร้อยละ 31.0 นักเรียน คิดเป็นร้อยละ 26.7 ซึ่งวสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ครูนั้น มีความชำนาญใน การ ใช้โปรแกรม เพื่อทำรายงานการสอน รวบรวมข้อมูล และงานด้านสื่อการสอบ เมื่อพิจารณาจาก ความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรม เช่น World Processing ,Database และ Graphics Art ส่วนนักเรียนก็เช่นเดี่ยวกัน คือมีความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรม เพื่อทำรายงาน พิมพ์เอกสาร จัดตาราง งานด้านการออกแบบ ซึ่งพิจารณาจาก โปรแกรมที่นักเรียนเชี่ยวชาญ สำหรับแหล่งการเรียนรู้การใช้ Internet ของครูและนักเรียน ผู้วิจัยได้กำหนดแบบสอบถาม ถึงแหล่งข้อมูลที่ นักเรียน และ ครู ค้นคว้าหาความรู้ ตามตารางที่ 13 ตารางที่ 14 ท่านเรียนรู้การใช้ Internet มาจากที่ใด หรือ จากใคร ท่าน เรียนรู้การใช้ Internet มาจากที่ใด ครู นักเรียน (เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) จำนวน ร้อยละ จำนวน ร้อยละ 1. จากเพื่อน / ญาติพี่น้อง 47(100) 47.0 142(300) 47.3 2. ชั้นเรียน / การเรียนการสอน 18(100) 18.0 133(300) 44.3 3. จากการเข้าอบรมหลักสตรู 36(100) 36.0 20(300) 6.7 ของโครงการ SchoolNet 4.จากโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ 5(100) 5.0 43(300) 14.3 5. อื่นๆ - - 4(300) 1.3
จากตารางที่ 14 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ครูส่วนใหญ่เรียนรู้การใช้ Internet มาจาก เพื่อน / ญาติพี่น้อง คิดเป็นร้อยละ 47.0 รองลงมา เรียนรูจากการเข้าอบรมหลักสตรูของโครงการ Schoolnet คิดเป็นร้อยละ 36.0 ส่วนนักเรียนส่วนมากเรียนรู้มาจากเพื่อนและญาติพี่น้องเหมือนครู คิดเป็นร้อยละ 47.3 รองลงมาเรียนรู้ในชั้นเรียน/การเรียนการสอน ร้อยละ 44.3
พฤติกรรมการใช้ บริการประเภทต่างๆ ที่ระบบเครือข่าย Schoolnet ของนักเรียนและครู ซึ่งผู้วิจัย ได้ใช้แบบสอบถาม เชิงประเมิน การใช้ โดยกำหนด ระดับการใช้ 5 ระดับ ตามตารางที่ 15 และ ตารางที่ 16 ตารางที่ 15 ท่านใช้บริการในเครือข่าย Schoolnet ประเภทดังต่อไปนี้ มากน้อยเพียงใดผล การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการในเครือข่าย โรงเรียน แบ่งตามประเภท ของนักเรียนมัธยม ดังนี้ ปริมาณการใช้ ประเภทของการใช้บริการ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด (%) (%) (%) (%) (%) X SD 1. บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์( E-Mail) 26.3 17.7 28.7 15.0 26.3 2.74 1.34 2. บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล (FTP,Download) 8.0 14.7 27.0 20.0 30.3 2.50 1.27 3. ริการขอเข้าใช้เครื่องระยะไกล (Telnet) 3.7 12.3 25.7 21.0 37.3 2.24 1.18 4. บริการกลุ่มข่าวสาร (Newsgroups) 9.0 18.0 33.0 16.7 23.3 2.72 1.25 5. บริการสนทนาออนไลน์ (Talk,IRC,Chat) 16.0 17.0 32.3 13.7 21.0 2.93 1.33 6. บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) 31.0 19.3 25.3 10.7 13.7 3.43 1.38 7. บริการสืบค้นข้อมูลโกเฟอร์ (Gopher) 7.7 9.7 28.0 22.7 32.0 2.38 1.23 อื่นๆ - .79 6.3 2.0 1.0 2.96 .25
จากตารางที่ 15 พบว่า นักเรียน กลุ่มตัวอย่าง มีการใช้บริการในเครือข่าย โรงเรียน ประเภทต่าง ๆ มาก ดังนี้ อันดับที่ 1 นักเรียนใช้บริการสืบค้นข้อมูล เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 31.0 รองลงมา คือ บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) ร้อยละ 26.3 และบริการสนทนาออนไลน์ (Talk,IRC,Chat) ร้อยละ 16.0 อันดับที่ 2 กลุ่มตัวอย่างใช้บริการมากสุดคือ บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) ร้อยละ 19.3 รองลงมา คือ บริการกลุ่มข่าวสาร (Newsgroups) ร้อยละ 18.0 และ บริการไปรษณีย์อิเล็กรอนิกส์ (E-Mail) ร้อยละ 17.1 อันดับที่ 3 ใช้บริการมากที่สุด คือ บริการกลุ่มข่าวสาร (Newsgroups) ร้อยละ 33.0 รองลงมี คือ บริการสนทนาออนไลน์ ( Talk,IRC,Chat ) ร้อยละ 32.3 และ บริการไปรษณิอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) ร้อยละ 28.7 อันดับที่ 4 ใช้บริการมากสุดคือ บริการสืบค้นข้อมูลโกเฟอร์ (Gopher) ร้อยละ 22.7 รองลงมา คือ บริการขอเข้าใช้เครื่องระยะไกล (Telnet) ร้อยละ 21.0 และ บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล (FPT,Download) ร้อยละ 20.0 อันดับที่ 5 ใช้บริการมากสุด คือ บริการขอเข้าเครื่องระยะไกล (Telnet) ร้อยละ 37.3 รองละมา บริการสืบค้นข้อมูลโกเฟอร์ (Gopher) ร้อยละ 32.0 และ บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล (FPT,Download) ร้อยละ 30.3 สรุป นักเรียนกลุ่มตัวอนย่างส่วนมากใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน ประเภท 1. บริการสืบค้นข้อมูลเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) 2. บริการสนทนาออนไลน์ (Talk,IRC,Chat) 3. บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail)
ตารางที่ 16 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการในเครือข่าย โรงเรียน แบ่งตามประเภท ของครูมัธยม ดังนี้
ปริมาณการใช้ ประเภทของการใช้บริการ มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด ( %) (%) (%) (%) (%) X SD 1. บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์( E-Mail) 10.0 20.0 30.0 25.0 15.0 2.85 1.20 2. บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล (FTP,Download) 4.0 17.0 5.0 22.0 42.0 2.19 1.26 3. ริการขอเข้าใช้เครื่องระยะไกล (Telnet) 2.0 8.0 23.0 20.0 47.0 1.98 1.10 4. บริการกลุ่มข่าวสาร (Newsgroups) 2.0 19.0 24.0 15.0 40.0 2..28 1.23 5. บริการสนทนาออนไลน์ (Talk,IRC,Chat) 8.0 13.0 23.0 16.0 40.0 2.33 1.33 6. บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) 33.0 21.0 24.0 11.0 11.0 3.54 1.34 7. บริการสืบค้นข้อมูลโกเฟอร์ (Gopher) 4.0 9.0 27.0 24.0 36.0 2.21 1.14 อื่นๆ 1.0 1.0 2.0 3.0 4.0 .25 .83
จากตารางที่ 16 พบว่า ครูมัธยม กลุ่มตัวอย่าง มีการใช้บริการในเครือข่ายโรงเรียน ประเภทต่างๆ มาก ดังนี้ อันดับที่ 1 ครูมัธยมใช้บริการสืบค้นข้อมูล เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 33.0 รองลงมา คือ บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) ร้อยละ 8.0 และบริการสนทนาออนไลน์ (Talk,IRC,Chat) ร้อยละ 8.0 อันดับที่ 2 กลุ่มตัวอย่างใช้บริการมากสุดคือ บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) ร้อยละ 21.0 รองลงมา คือ บริการไปรษณีย์อิเล็กรอนิกส์ (E-Mail) ร้อยละ 20 และ บริการสนทนาออนไลน์ (Talk,IRC,Chat) ร้อยละ 8.0 อันดับที่ 3 ใช้บริการมากที่สุด คือ บริการไปรษณีย์อิเล็กรอนิกส์ (E-Mail) ร้อยละ 30.0 รองลงมา คือ บริการสืบค้นข้อมูลโกเฟอร์ (Gopher) ร้อยละ 27.0 และ บริการกลุ่มขาวสาร (Newsgroups) ร้อยละ 24.0 อันดับที่ 4 ใช้บริการมากสุดคือ บริการไปรษณีย์อิเล็กรอนิกส์ (E-Mail) ร้อยละ 25.0 รองลงมา คือ บริการสืบค้นข้อมูลโกเฟอร์ (Gopher) ร้อยละ 24.0 และ บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล (FPT,Download) ร้อยละ 22.0 อันดับที่ 5 ใช้บริการมากสุด คือ บริการขอเข้าเครื่องระยะไกล (Telnet) ร้อยละ 47.0 รองละมา คือ บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล (FPT,Download) ร้อยละ 42.0 และ บริการกลุ่มขาวสาร (Newsgroups) ร้อยละ 40.0 สรุป ครูมัธยม กลุ่มตัวอนย่างส่วนมากใช้บริการเครือข่ายโรงเรียน ประเภท 1. บริการสืบค้นข้อมูลเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) 2. บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) 3.บริการสนทนาออนไลน์ (Talk,IRC,Chat) เมื่อพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ บริการ ประเภทต่าง ๆ ของเครือข่ายโรงเรียน ของครู และ นักเรียน พบว่า มีความแตกต่าง กันไม่มากนัก กล่าวคือ ทั้ง ครูและนักเรียน มีการใช้ บริการคืบค้น ข้อมูล เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW.) มากที่สุด เนื่องจากโปรแกรมดังกล่าว ใช้งานง่าย และมีประสิทธิภาพ ในการแสดงผลสูง คือสามารถ แสดงผลทั้งไป ข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียงได้ จึงทำให้ ทั้งครูและนักเรียน นิยมใช้ แต่ประเด่นที่หน้าสนใจคือ ครูส่วนใหญ่จะนิยมใช้ส่ง E-Mail มากกว่า การ ใช้บริการสนทนาออนไลน์ (Talk , IRC , Chat) ซึ่งปัจจุบัน โปรแกรมการใช้บริการใดกล่าวได้รับความนิยมในกลุ่ม วัยรุ่นที่เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดย เฉพาะ โปรแกรม ICQ จึงไม่แปลกเลยว่า นักเรียนจะใช้บริการสนทนาออนไลด์ มากกว่าครู ซึ่งตรงเองที่ตรงกับ แนวคิดของ อาจารย์ชัยอนันต์ และ มานูเอล คาสเทลล์ (Manuel Castells) ที่ว่า สังคมยุคสารสนเทศ จะเป็นสังคมแยกย่อย และจะมีการรวมตัวกันเป็น สังคมเครือข่าย (Network Society)
ตารางที่ 17 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกีบ การใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบเครือ ข่ายโรงเรียน นักเรียนมัธยม ดังนี้ ปริมาณการใช้ การใช้ประ โยชน์จากการติดต่อ ใช้ทุกวัน 3-6/สัปดาห์ 1-2/สัปดาห์ นานๆครั้ง ไม่เคยใช้ สื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน % % % % % X SD 1. ใช้เป็นสื่อในการเรียน 9.0 18.7 31.7 24.0 16.7 2.79 1.18 การสอนโดยสื่อสารผ่าน ระบบเครือข่ายโรงเรียน 2. ใช้ระบบเครือข่ายโรงเรียน 9.3 22.3 25.3 22.0 21.0 2.77 1.26 ในการสื่อสารแลกเปลี่ยน ความรู้หรือค้นคว้าหาความรู้ กับเพื่อและครูต่างโรงเรียน 3. ใช้ระบบเครือข่ายโรงเรียน 10.7 19.7 17.3 19.3 33.0 2.55 1.39 ในการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยน ความรู้หรือค้นคว้าหาความรู้ใหม่ จากเพื่อและครูต่างประเทศ 4. ใช้ระบบเครือข่าย SchoolNet 6.3 10.3 20.0 21.0 42.3 2.17 1.25 เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เมื่อไม่เข้าใจ 5. ใช้ระบบเครือข่าย SchoolNet 6.01 2.02 1.3 20.3 40.3 2.23 1.26 เพื่อสั่งส่งรายงาน หรือ การบ้านระหว่างกัน 6. ใช้เพื่อโอนย้าย โปรแกรม ใหม่ ๆ 9.7 20.3 26.0 19.7 24.3 2.71 1.29 มาทดลองใช้ฟรี 7. ใช้เพื่อค้นหาหนังสือตาม 9.0 19. 26.3 24.0 21.3 2.70 1.25 ห้องสมุดต่างๆ 8. ใช้เพื่อค้นคว้าหาความรู้ 12.3 17.7 26.0 24.0 20.0 2.78 1.29 จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ในระบบเครือข่ายเพื่อ ประกอบการเรียนการสอน 9. ใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ 8.0 16.3 24.7 24.3 26.7 2.54 1.26 ตามที่ต้องการ
จากตาราง 17 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง นักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียนมากที่สุด ดังนี้ อันดับที่ 1 กลุ่มนักเรียน มีการสื่อสารผ่านเครือข่ายมากที่สุดเพื่อ ค้นค้าวหาความรู้เพื่อประกอบการเรียนการสอน ร้อยละ 12.3 รองลงมา คือ ติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนต่างประเทศ ร้อยละ 10.7 และ ใช้เพื่อโอนย้าย โปรแกรมมาทดลองให้ ร้อยละ 9.7 อันดับที่ 2 กลุ่มนักเรียน มีการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุดเพื่อ แลกเปลี่ยนความรู้และค้นค้าวหาความรู้ กับเพื่อนต่างโรงเรียน ร้อยละ 22.3 รองลงมา เพื่อโอนย้ายโปรแกรมใหม่มาทดลองใช้ ร้อยละ 20.3 และ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้หรือค้นคว้าหาความรู้กับเพื่อนต่างประเทศ ร้อยละ 19.7 อันดับที่ 3 กลุ่มนักเรียน มีการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุด เพื่อเป็นสื่อในการทำรายงานกลุ่ม การบ้าน ร้อยละ 31.7 รองลงมา เพื่อค้นหาหนังสือตามห้องสมุดต่างๆ ร้อยละ 26.3 และ เพื่อโอนย้ายโปรแกรมใหม่มาทดลองใช้ ร้อยละ 26.0 อันดับที่ 4 กลุ่มนักเรียน มีการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุด เพื่อ เผยแพร่ข้อมูลต่างๆตามที่ต้องการ ร้อยละ 24.3 รองลงมา เพื่อสื่อในการทำการบ้าน รายงานกลุ่มกับเพื่อน ร้อยละ 24.0 และ เพื่อค้นคว้าหาหนังสือตามห้องสมุดต่างๆ ร้อยละ 24.0 อันดับที่ 5 กลุ่มนักเรียน มีการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุด เพื่อติดต่อสื่อสารกับครูเมื่อไม่เข้าใจ ร้อยละ 42.3 รองลงมา เพื่อ ส่งรายงานหรือการบ้านกับครู ร้อยละ 40.3 และ เพื่อ ติดต่อสื่อสาร ค้นคว้า กับเพื่อต่างประเทศ ร้อยละ 33.0
สรุป กลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียนมัธยม มีการประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุดเพื่อ
กลุ่มนักเรียน 1. ใช้เป็นสื่อในการเรียน เช่น ทำรายงานกลุ่ม,การบ้าน โดยสื่อสารผ่านระบบ เครือข่าย 2. ใช้เพื่อค้นคว้าหาความรูจากแหล่งข้อมูลต่างๆในระบบเครือข่ายเพื่อ ประกอบการเรียน 3. ใช้ระบบเครือข่ายในการสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้หรือค้นคว้า กับเพื่อต่าง โรงเรียน
ตารางที่ 18 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกีบ การใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบเครือ ข่ายโรงเรียน ครูมัธยม ดังนี้ ปริมาณการใช้ การใช้ประ โยชน์จากการติดต่อ ใช้ทุกวัน 3-6/สัปดาห์ 1-2/สัปดาห์ นานๆครั้ง ไม่เคยใช้ สื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียน ครู ครู ครู ครู ครู % % % % % X SD 1. ใช้เป็นสื่อในการเรียน การสอนโดยสื่อสารผ่าน 5.0 8.0 27.0 39.0 21.0 2.37 1.06 ระบบเครือข่ายโรงเรียน 2. ใช้ระบบเครือข่ายโรงเรียน ในการสื่อสารแลกเปลี่ยน 3.0 14.0 25.0 34.0 24.0 2.38 1.08 ความรู้หรือค้นคว้าหาความรู้ กับเพื่อและครูต่างโรงเรียน 3. ใช้ระบบเครือข่ายโรงเรียน ในการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยน 2.0 13.0 17.0 20.0 48.0 2.01 1.16 ความรู้หรือค้นคว้าหาความรู้ใหม่ จากเพื่อและครูต่างประเทศ 4. ใช้ระบบเครือข่าย SchoolNet เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างกัน 1.0 17.0 12.0 27.0 43.0 2.06 1.15 เมื่อไม่เข้าใจ 5. ใช้ระบบเครือข่าย SchoolNet เพื่อสั่งส่งรายงาน หรือ 2.0 9.0 16.0 16.0 57.0 1.83 1.11 การบ้านระหว่างกัน 6. ใช้เพื่อโอนย้าย โปรแกรม ใหม่ ๆ มาทดลองใช้ฟรี 7.0 18.0 33.0 26.0 16.0 2.74 1.14 7. ใช้เพื่อค้นหาหนังสือตาม ห้องสมุดต่างๆ 6.0 25.0 44.0 19.0 6.0 3.06 .96 8. ใช้เพื่อค้นคว้าหาความรู้ จากแหล่งข้อมูลต่างๆ 6.0 28.0 27.0 28.0 11.0 2.90 1.11 ในระบบเครือข่ายเพื่อ ประกอบการเรียนการสอน 9. ใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ตามที่ต้องการ 6.0 16.0 24.0 27.0 27.0 2.47 1.21
จากตาราง 18 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง ครูมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียนมากที่สุด ดังนี้ อันดับที่ 1 กลุ่มตัวอย่าง ครูมัธยม ที่การสื่อสาร เพื่อโอนย้าย โปรแกรมใหม่ๆมาทดลองใช้ คิดเป็นร้อยละ 7 รองลงมา คือ ใช้เพื่อค้นหาหนังสือตามห้องสมุด ร้อยละ 6 และ ค้นค้าวเพื่อประกอบการเรียนการสอน ร้อยละ 6 อันดับที่ 2 กลุ่มตัวอย่างครู มีการใช้ประโยชน์จากการติกต่อสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุด เพื่อ ค้นค้าวข้อมูลประกอบการเรียนการสอน ร้อยละ 28.0 รองลงมา เพื่อค้นค้าวหาหนังสือตามห้องสมุดต่างๆ ร้อยละ 25.0 และ เพื่อโอนย้ายโปรแกรมมาทดลองใช้ ร้อยละ 18.0 อันดับที่ 3 กลุ่มตัวอย่างครู มีการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุดเพื่อ ค้นค้าวหาหนังสือตามห้องสมุดต่างๆ ร้อยละ 44.0 รองลงมา เพื่อโอนย้ายโปรแกรมใหม่มาทดลองใช้ ร้อยละ33.0 และ เพื่อเป็นสื่อในการเรียนการสอน 27.0 อันดับที่ 4 กลุ่มตัวอย่างครู มีการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุดเพื่อ สื่อการเรียนการสอน ร้อยละ 39.0 รองลงมา เพื่อ แลกเปลี่ยนความรู้และค้นคว้ากับครูต่างโรงเรียน ร้อยละ34.0 และ เพื่อเป็นสื่อสารกับนักเรียน 27.0 อันดับที่ 5 กลุ่มตัวอย่างครู มีการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านเครือข่าย มากที่สุดเพื่อ สั่งการบ้านหรือสั่งงานกับนักเรียน ร้อยละ 57.0 รองลงมา เพื่อเป็นสื่อสารกับครูต่างประเทศ ร้อยละ 48.0 และ เพื่อสื่อสารกับนักเรียน ร้อยละ 43.0
สรุป กลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียนมัธยม มีการประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุดเพื่อ กลุ่มครู 1. ใช้เพื่อค้นคว้าหาหนังสือตามหองสมุดต่างๆ 2. ใช้เพื่อคันคว้าหาความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆในระบบเครือข่านเพื่อประกอบ การสอน 3. ใช้เพื่อโอนย้ายโปรแกรมใหม่ๆ มาทดลองใช้ฟรี เพื่อเปรียบเทียบ การใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารเครือข่ายโรงเรียน ระหว่าง ครู กับ นักเรียนมัธยม ถึงปริมาณการใช้ว่า มีความแตกต่างมากน้อย อย่างไร ผู้วิจัย ได้นำข้อมูล มาเปรียบเทียบตามตารางที่ 19
ตารางที่ 19 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกีบ การใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบเครือ ข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยม ดังนี้ ปริมาณการใช้ ใช้ทุกวัน 3-6/สัปดาห์ 1-2/สัปดาห์ นานๆครั้ง ไม่เคยใช้ การใช้ประ โยชน์จากการติดต่อ นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน สื่อสารผ่านเครือข่ายโรงเรียน (ครู) (ครู) (ครู) (ครู) (ครู) % % % % % X SD 1. ใช้เป็นสื่อในการเรียน 9.0 18.7 31.7 24.0 16.7 2.79 1.18 การสอนโดยสื่อสารผ่าน (5.0) (8.0) (27.0) (39.0) (21.0) 2.37 1.06 ระบบเครือข่ายโรงเรียน 2. ใช้ระบบเครือข่ายโรงเรียน 9.3 22.3 25.3 22.0 21.0 2.77 1.26 ในการสื่อสารแลกเปลี่ยน (3.0) (14.0) (25.0) (34.0) (24.0) 2.38 1.08 ความรู้หรือค้นคว้าหาความรู้ กับเพื่อและครูต่างโรงเรียน 3. ใช้ระบบเครือข่ายโรงเรียน 10.7 19.7 17.3 19.3 33.0 2.55 1.39 ในการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยน (2.0) (13.0) (17.0) (20.0) (48.0) 2.01 1.16 ความรู้หรือค้นคว้าหาความรู้ใหม่ จากเพื่อและครูต่างประเทศ 4. ใช้ระบบเครือข่าย SchoolNet 6.3 10.3 20.0 21.0 42.3 2.17 1.25 เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างกัน (1.0) (17.0) (12.0) (27.0) (43.0) 2.06 1.15 เมื่อไม่เข้าใจ 5. ใช้ระบบเครือข่าย SchoolNet 6.01 2.02 1.3 20.3 40.3 2.23 1.26 เพื่อสั่งส่งรายงาน หรือ (2.0) (9.0) (16.0) (16.0) (57.0) 1.83 1.11 การบ้านระหว่างกัน 6. ใช้เพื่อโอนย้าย โปรแกรม ใหม่ ๆ 9.7 20.3 26.0 19.7 24.3 2.71 1.29 มาทดลองใช้ฟรี (7.0) (18.0) (33.0) (26.0) (16.0) 2.74 1.14 7. ใช้เพื่อค้นหาหนังสือตาม 9.0 19. 26.3 24.0 21.3 2.70 1.25 ห้องสมุดต่างๆ (6.0) (25.0) (44.0) (19.0) (6.0) 3.06 .96 8. ใช้เพื่อค้นคว้าหาความรู้ 12.3 17.7 26.0 24.0 20.0 2.78 1.29 จากแหล่งข้อมูลต่างๆ (6.0) (28.0) (27.0) (28.0) (11.0) 2.90 1.11 ในระบบเครือข่ายเพื่อ ประกอบการเรียนการสอน 9. ใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ 8.0 16.3 24.7 24.3 26.7 2.54 1.26 ตามที่ต้องการ (6.0) (16.0) (24.0) (27.0) (27.0) 2.47 1.21
จากตาราง 19 สรุป กลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียนมัธยม มีการประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุดเพื่อ กลุ่มครู 1. ใช้เพื่อค้นคว้าหาหนังสือตามหองสมุดต่างๆ 2. ใช้เพื่อคันคว้าหาความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆในระบบเครือข่ายเพื่อประกอบ การสอน 3. ใช้เพื่อโอนย้ายโปรแกรมใหม่ๆ มาทดลองใช้ฟรี กลุ่มนักเรียน 1. ใช้เป็นสื่อในการเรียน เช่น ทำรายงานกลุ่ม,การบ้าน โดยสื่อสารผ่านระบบ เครือข่าย 2. ใช้เพื่อค้นคว้าหาความรูจากแหล่งข้อมูลต่างๆในระบบเครือข่ายเพื่อ ประกอบการเรียน 3. ใช้ระบบเครือข่ายในการสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้หรือค้นคว้า กับเพื่อต่าง โรงเรียน จากข้อมูลดังกล่าว วิเคราะห์ได้ ว่า ครู กับ นักเรียน มีการใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสาร ผ่านเครือข่ายโรงเรียนแตกต่างกัน โดยกลุ่มครูจะใช้ในลักษณะ เพื่อค้นคว้า หาข้อมูล มากกว่าจะ การรวมกลุ่มเป็นชุมชนเครือข่าย และมีการใช้เพื่อทดลองใช้โปรแกรม ส่วนนักเรียนมีแนวโน้มที่จะรวมกลุ่ม เป็นชุมชนเครือข่าย มาก จากข้อมูล นักเรียนจะมีการ ทำรายงานกลุ่มผ่านเครือข่าย และที่สำคัญมีการแลกเปลี่ยนความรู้ หรือค้นคว้า กับเพื่อนต่างโรงเรียน ทั้งนี้เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการเรียน แต่เป็นที่สังเกตุว่า นักเรียนจะมีแนวโน้มทีจะมีการสื่อสารกับครูมากนัก แต่กลับมีแนวโน้มที่สื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ เพื่อในต่างประเทศมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นึงแนวโน้มว่า นักเรียน น่าจะมี Computer Literacy สู่งกว่าครู และมีทัศนะเชื่อมโยงกับโลกมากกว่าครู และเข้เชื่อมต่อกับผู้อื่นใน Net มากกว่าครู
ตารางที่ 20 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโรงเรียนของ นักเรียน มัธยม จำแนกตาม ความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง , ความต้องการมีการติดต่อ ทางสังคม , ความต้องการสิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง , ความต้องการข้อความจริง และความรู้เกี่ยวกับโลก
ประโยชน์ที่ได้รับ การใช้ประโยชน์จาก นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน เครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยทีสุด % % % % % X SD สร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง 1. ยกระดับการเรียนการ 22.0 28.3 31.7 10.0 8.0 3.46 1.17 สอนของตัวเอง (19.0) (41.0) (29.0) (4.0) (7.0) 3.61 1.06 2. แสดงถึงความก้าว 27.3 35.7 26.7 4.0 6.0 3.73 1.09 หน้าของโรงเรียน (31.0) (34.0) (27.0) (4.0) (4.0) 3.84 1.0 3. การทันต่อเหตุการณ์ 31.7 29.7 29.0 3.3 6.3 3.77 1.12 และเป็นคนทันสมัย (27.0) (46.0) (19.0) (4.0) (4.0) 3.88 .98 4. การพัฒนาทักษะการอ่าน 30.0 23.7 36.0 7.3 3.0 3.70 1.06 การเขียนภาษาอังกฤษ (13.0) (46.0) (28.0) (11.0) (2.0) 3.57 .92 การติดต่อทางสังคม 5. สามารถเผยแพร่ข้อมูล 20.3 21.0 35.7 14.0 9.0 3.29 1.20 ส่วนตัวตามที่ต้องการ (8.0) (30.0) (28.0) (20.0) (14.0) 2.98 1.18 6. สามารถสื่อสารกันได้ไม่ 20.7 26.3 32.7 13.0 7.3 3.40 1.16 จำกัดเวลาสถานที่ (17.0) (29.0) (26.0) (14.0) (14.0) 3.21 1.28 7. สามารถแสดงความคิดเห็น 27.3 26.3 32.3 9.0 5.0 3.62 1.12 เห็นได้อย่างอิสระ การแลก (13.0) (28.0) (33.0) (11.0) (15.0) 3.13 1.22 เปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น สิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง 8. ความเพลิดเพลินและ 35.0 26.7 28.3 5.7 4.3 3.82 1.10 การพักผ่อยหย่อนใจ (15.0) (37.0) (28.0) (15.0) (5.0) 3.42 1.07 9. สามารถโอนย้าย 25.7 22.0 32.7 13.3 6.3 3.47 1.18 โปรแกรมมาใช้ได้ฟรี (14.0) (23.0) (40.0) (14.0) (9.0) 3.19 1.12 10. ใช้เพื่อฟังเพลง 33.7 22.0 30.0 9.0 5.3 3.69 1.17 ดูโปรแกรมภาพยนตร์ (8.0) (25.0) (32.0) (21.0) (14.0) 2.92 1.16 11. ใช้เพื่อเล่นเกมส์ต่างได้ฟรี 34.7 20.7 29.3 10.0 5.3 3.69 1.19
จากตารางที่ 20 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง นักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด ดังนี้
อันดับที่ 1 กลุ่มนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ เพื่อความเพลิดเพลินและการพักผ่อนย่อนใจ คิดเป็น ร้อยละ 35.0 รองลงมา คือ ใช้เพื่อเล่นเกมส์ต่างได้ฟรี ร้อยละ 34.7 และ ใช้เพื่อฟังเพลง ดูโปรแกรมภาพยนต์ ร้อยละ 33.7 อันดับที่ 2 กลุ่มนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของโรงเรียน คิดเป็น ร้อยละ 35.7 รองลงมา คือ เพื่อความทันต่อเหตุการณ์และเป็นคนทันสมัย ร้อยละ 29.7 และ เพื่อยกระดับการเรียนการสอน ร้อยละ 28.3 อันดับที่ 3 กลุ่มนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนภาษาอังกฤษ คิดเป็น ร้อยละ 36.0 รองลงมา คือ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวตามที่ต้องการ ร้อยละ 35.7 และ เพื่อโอนย้ายโปรแกรมมาใช้ ร้อยละ 32.7 อันดับที่ 4 ส่วนกลุ่มนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวตามที่ต้องการ คิดเป็น ร้อยละ 24.0 รองลงมา คือ เพื่อโอนย้ายโปรแกรมมาใช้ ร้อยละ 13.3 และ สามารถสื่อสารกันได้ไม่จำกัดเวลาสถานที่ ร้อยละ 13.3 อันดับที่ 5 กลุ่มนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวตามที่ต้องการ คิดเป็น ร้อยละ 9.0 รองลงมา คือ การได้ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ร้อยละ 8.3 และ ยกระดับการเรียนการสอนของตัวเอง ร้อยละ 8.0
สรุป กลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุดตามระดับ ดังนี้
นักเรียนมัธยม
1. ความเพลิดเพลินและการพักผ่อนหย่อนใจ 2. การทันต่อเหตุการณ์และเป็นคนทันสมัย 3. แสดงถึงความก้าวหน้าของโรงเรียน
ตารางที่ 21 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโรงเรียนของครูมัธยม จำแนกตาม ความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง , ความต้องการมีการติดต่อ ทางสังคม , ความต้องการสิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง , ความต้องการข้อความ จริงและความรู้เกี่ยวกับโลก
ประโยชน์ที่ได้รับ การใช้ประโยชน์ จาก ครู ครู ครู ครู ครู เครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยทีสุด % % % % % X SD สร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง 1. ยกระดับการเรียนการ 22.0 28.3 31.7 10.0 8.0 3.46 1.17 สอนของตัวเอง (19.0) (41.0) (29.0) (4.0) (7.0) 3.61 1.06 2. แสดงถึงความก้าว 27.3 35.7 26.7 4.0 6.0 3.73 1.09 หน้าของโรงเรียน (31.0) (34.0) (27.0) (4.0) (4.0) 3.84 1.0 3. การทันต่อเหตุการณ์ 31.7 29.7 29.0 3.3 6.3 3.77 1.12 และเป็นคนทันสมัย (27.0) (46.0) (19.0) (4.0) (4.0) 3.88 .98 4. การพัฒนาทักษะการอ่าน 30.0 23.7 36.0 7.3 3.0 3.70 1.06 การเขียนภาษาอังกฤษ (13.0) (46.0) (28.0) (11.0) (2.0) 3.57 .92 การติดต่อทางสังคม 5. สามารถเผยแพร่ข้อมูล 20.3 21.0 35.7 14.0 9.0 3.29 1.20 ส่วนตัวตามที่ต้องการ (8.0) (30.0) (28.0) (20.0) (14.0) 2.98 1.18 6. สามารถสื่อสารกันได้ไม่ 20.7 26.3 32.7 13.0 7.3 3.40 1.16 จำกัดเวลาสถานที่ (17.0) (29.0) (26.0) (14.0) (14.0) 3.21 1.28 7. สามารถแสดงความคิดเห็น 27.3 26.3 32.3 9.0 5.0 3.62 1.12 เห็นได้อย่างอิสระ การแลก (13.0) (28.0) (33.0) (11.0) (15.0) 3.13 1.22 เปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น สิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง 8. ความเพลิดเพลินและ 35.0 26.7 28.3 5.7 4.3 3.82 1.10 การพักผ่อยหย่อนใจ (15.0) (37.0) (28.0) (15.0) (5.0) 3.42 1.07 9. สามารถโอนย้าย 25.7 22.0 32.7 13.3 6.3 3.47 1.18 โปรแกรมมาใช้ได้ฟรี (14.0) (23.0) (40.0) (14.0) (9.0) 3.19 1.12 10. ใช้เพื่อฟังเพลง 33.7 22.0 30.0 9.0 5.3 3.69 1.17 ดูโปรแกรมภาพยนตร์ (8.0) (25.0) (32.0) (21.0) (14.0) 2.92 1.16 11. ใช้เพื่อเล่นเกมส์ต่างได้ฟรี 34.7 20.7 29.3 10.0 5.3 3.69 1.19 (9.0) (21.0) (28.0) (19.0) (23.0) 2.74 1.27 12. ใช้แสวงหาความรู้และข้อ 30.0 25.7 29.7 9.3 5.3 3.65 1.15 มูลต่างๆที่สนใจ ได้มากขึ้น (27.0) (31.0) (27.0) (11.0) (4.0) 3.66 1.11 13. การได้รับทราบข่าวความเคลื่อน 28.7 22.0 31.1 0.0 8.3 3.52 1.23 ไหวของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก (25.0) (32.0) (24.0) (13.0) (6.0) 3.57 1.17
จากตารางที่ 21 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ครูมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด ดังนี้ อันดับที่ 1 กลุ่มครูมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ แสดงถึงความก้าวหน้าของโรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 31.0 รองลงมา คือ เพื่อความทันต่อเหตุการณ์และเป็นคนทันสมัย คิดเป็น ร้อยละ 27.0 และ ใช้แสวงหาความรู้และข้อมูลต่างๆ ที่สนใจ ร้อยละ 27.0 อันดับที่ 2 กลุ่มครูมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ เพื่อความทันต่อเหตุการณ์และเป็นคนทันสมัย คิดเป็นร้อยละ 46.0 รองลงมา คือ เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านการเขียนภาษาอังกฤษ คิดเป็น ร้อยละ 46.0 และ เพื่อความเพลิดเพลินและการพักผ่อนย่อนใจ ร้อยละ 37.0 อันดับที่ 3 กลุ่มครูมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ เพื่อโอนย้ายโปรแกรมมาใช้ คิดเป็นร้อยละ 40.0 รองลงมา คือ เพื่อแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น ร้อยละ 33.0 และ เพื่อยกระดับการเรียนการสอน ร้อยละ 29.0 อันดับที่ 4 กลุ่มครูมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด คือ ใช้เพื่อฟังเพลง ดูโปรแกรมภาพยนต์ คิดเป็นร้อยละ 21.0 รองลงมา เพื่อเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวตามที่ต้องการ คิดเป็น ร้อยละ 20.0 และ เพื่อเล่นเกมส์ต่างๆ ร้อยละ 19.0 อันดับที่ 5 กลุ่มครูมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุด ใช้เพื่อเล่นเกมส์ต่างได้ฟรี คิดเป็นร้อยละ 23.0 รองลงมา คือ แสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ การแลเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น ร้อยละ 15.0 และ ใช้เพื่อฟังเพลง ดูโปรแกรมภาพยนต์ ร้อยละ 14.0
สรุป กลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุดตามระดับ ดังนี้ ครูมัธยม
1. การทันต่อเหตุการณ์และเป็นคนทันสมัย 2. แสดงถึงความก้าวหน้าของโรงเรียน 3. ใช้แสวงหาความรูและข้อมูลต่าง ที่สนใจได้มากขึ้น
เพื่อเปรียบเทียบ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ระหว่าง ครู กับ นักเรียนมัธยม ถึงปริมาณการใช้ว่า มีความแตกต่างมากน้อย อย่างไร ผู้วิจัย ได้นำข้อมูล มาเปรียบเทียบตามตารางที่ 22
ตารางที่ 22 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโรงเรียนของครูและนักเรียน มัธยม จำแนกตาม ความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง , ความต้องการมีการติดต่อ ทางสังคม , ความต้องการสิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง , ความต้องการข้อความจริง และความรู้เกี่ยวกับโลก
ประโยชน์ที่ได้รับ การใช้ประโยชน์ นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน นักเรียน จากเครือข่าย (ครู) (ครู) (ครู) (ครู) (ครู) โรงเรียน มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยทีสุด % % % % % X SD สร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง 1. ยกระดับการเรียนการ 22.0 28.3 31.7 10.0 8.0 3.46 1.17 สอนของตัวเอง (19.0) (41.0) (29.0) (4.0) (7.0) 3.61 1.06 2. แสดงถึงความก้าว 27.3 35.7 26.7 4.0 6.0 3.73 1.09 หน้าของโรงเรียน (31.0) (34.0) (27.0) (4.0) (4.0) 3.84 1.0 3. การทันต่อเหตุการณ์ 31.7 29.7 29.0 3.3 6.3 3.77 1.12 และเป็นคนทันสมัย (27.0) (46.0) (19.0) (4.0) (4.0) 3.88 .98 4. การพัฒนาทักษะการอ่าน 30.0 23.7 36.0 7.3 3.0 3.70 1.06 การเขียนภาษาอังกฤษ (13.0) (46.0) (28.0) (11.0) (2.0) 3.57 .92 การติดต่อทางสังคม 5. สามารถเผยแพร่ข้อมูล 20.3 21.0 35.7 14.0 9.0 3.29 1.20 ส่วนตัวตามที่ต้องการ (8.0) (30.0) (28.0) (20.0) (14.0) 2.98 1.18 6. สามารถสื่อสารกันได้ไม่ 20.7 26.3 32.7 13.0 7.3 3.40 1.16 จำกัดเวลาสถานที่ (17.0) (29.0) (26.0) (14.0) (14.0) 3.21 1.28 7. สามารถแสดงความคิดเห็น 27.3 26.3 32.3 9.0 5.0 3.62 1.12 เห็นได้อย่างอิสระ การแลก (13.0) (28.0) (33.0) (11.0) (15.0) 3.13 1.22 เปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น สิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง 8. ความเพลิดเพลินและ 35.0 26.7 28.3 5.7 4.3 3.82 1.10 การพักผ่อยหย่อนใจ (15.0) (37.0) (28.0) (15.0) (5.0) 3.42 1.07 9. สามารถโอนย้าย 25.7 22.0 32.7 13.3 6.3 3.47 1.18 โปรแกรมมาใช้ได้ฟรี (14.0) (23.0) (40.0) (14.0) (9.0) 3.19 1.12 10. ใช้เพื่อฟังเพลง 33.7 22.0 30.0 9.0 5.3 3.69 1.17 ดูโปรแกรมภาพยนตร์ (8.0) (25.0) (32.0) (21.0) (14.0) 2.92 1.16 11. ใช้เพื่อเล่นเกมส์ต่างได้ฟรี 34.7 20.7 29.3 10.0 5.3 3.69 1.19 (9.0) (21.0) (28.0) (19.0) (23.0) 2.74 1.27 12. ใช้แสวงหาความรู้และข้อ 30.0 25.7 29.7 9.3 5.3 3.65 1.15 มูลต่างๆที่สนใจ ได้มากขึ้น (27.0) (31.0) (27.0) (11.0) (4.0) 3.66 1.11 13. การได้รับทราบข่าวความเคลื่อน 28.7 22.0 31.1 0.0 8.3 3.52 1.23 ไหวของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก (25.0) (32.0) (24.0) (13.0) (6.0) 3.57 1.17
จากตารางที่ 22 พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน สรุป ได้ดังนี้
กลุ่มตัวอย่าง ครูและนักเรียนมัธยม มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน มากที่สุดตามระดับ ดังนี้ ครูมัธยม
1. การทันต่อเหตุการณ์และเป็นคนทันสมัย 2. แสดงถึงความก้าวหน้าของโรงเรียน 3. ใช้แสวงหาความรูและข้อมูลต่างๆ ที่สนใจได้มากขึ้น
นักเรียนมัธยม
1. ความเพลิดเพลินและการพักผ่อนหย่อนใจ 2. การทันต่อเหตุการณ์และเป็นคนทันสมัย 3. แสดงถึงความก้าวหน้าของโรงเรียน
ซึ่งมีประเด็นหน้าสนใจคือ พบว่าครู จะให้ความสำคัญของประโยชน์ ที่ การทันในข้อมูลข่าวสาร และแสดงภาพลักษณ์ ของตัวคุณ ว่าเป็นคนทันสมัย แต่ก็มีการใช้เพื่อแสวงหาความรู้ และข้อมูลต่างๆ ที่สนใจ ในขณะที่ นักเรียน ใช้ประโยชน์ในเรื่องความบันเทิง พักผ่อนหย่อนใจ มากกว่า โดยไม่สนใจ ในการแสวงหาความรู้ มากนัก ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่า ด้วยเวบไซด์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนมากจะเป็น เวปไซด์ ที่เน้น ด้านบันเทิงมากกว่าเวบไซด์ที่ให้ความรู้ เมื่อพิจารณา พฤติกรรมการใช้ ก็จะเห็นว่า นักเรียน ส่วนใหญ่จะเข้า ไปใช้ บริการ Chat ,Talk , IRC, ICQ มากกว่า การเข้าไปค้นคว้าหาข้อมูลที่เป้นความรู้ นอกจากนี้ ทั้งครู และ นักเรียน ยังใช้ประโยชน์ ในแง่ ของท้องถิ่นนิยม กล่าวคือ คิดว่า การใช้เครือข่ายโรงเรียน จะทำให้แสดงถึงความกว้าหน้าของโรงเรียน ซึ่งทำใหั เกิดความรู้สึกภูมิภาคนิยมในความเป็น ส่วนหนึ่งของโรงเรียน และแตกต่างจากระหว่างตนกับโลก
ตอนที่ 2 การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทดสอบสมมุติฐาน สมมุติฐานที่1 ปัจจัยทางประชากร และ สถานะทางสังคม ที่แตกต่างกัน ของครูและนักเรียนมัธยม จะมี การยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ที่แตกต่างกัน
ตารางที่ 13 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ เพศ ของนักเรียน กับ การยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้
การยอมรับเทคโนโลยี เพศ จำนวน X SD F sig. ชาย 189 3.88 .663 .248 .619 หญิง 111 3.78 .675
จากตารางที่ 13 การยอมรับเทคโนโลยี ของนักเรียนชาย กับ นักเรียนหญิง ไม่มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 14 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ เพศ ของนักเรียน กับ และ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดัง
การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เพศ จำนวน X SD F sig. ชาย 189 3.61 .939 4.003 .046** หญิง 111 3.52 .785 sig. < .05** .01* จากตารางที่ 14 การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ของ นักเรียนชาย กับ นักเรียนหญิง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05 โดยนักเรียนชายมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียนมากกว่านักเรียนหญิง
ตารางที่ 15 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ สายวิชาที่กำลังศึกษา ของนักเรียน กับ การยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายรงเรียน ดังนี้
การยอมรับเทคโนโลยี สายวิชา จำนวน X SD F sig. ศิลป 123 2.35 .929 .040 .841 วิทย 177 2.35 .887
จากตารางที่ 15 การยอมรับเทคโนโลยี ของนักเรียนสายศิลป กับ นักเรียนสายวิทย ไม่มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 16 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ สายวิชาที่กำลังศึกษา ของนักเรียน กับ การใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายรงเรียน ดังนี้
การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย สายวิชา จำนวน X SD F sig. ศิลป 123 3.59 .809 2.201 .139 วิทย 177 3.57 .937
จากตารางที่ 16 การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ของนักเรียนสายศิลป กับ นักเรียนสายวิทย ไม่มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 17 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เครื่องคอมพิวเตอร์ ของนักเรียน กับ การยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้
การยอมรับเทคโนโลยี เครือคอมพิวเตอร์ จำนวน X SD F sig. มี 146 3.87 .568 1.945 .164 ไม่มี 154 3.82 .752
จากตารางที่ 17 การยอมรับเทคโนโลยี ของนักเรียนที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ กับ นักเรียนที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 18 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เครื่องคอมพิวเตอร์ ของนักเรียน กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดัง
การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน X SD F sig. มี 146 3.60 .933 2.302 .130 ไม่มี 154 3.56 .839
จากตารางที่ 18 การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ของนักเรียนที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ กับ นักเรียนที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 19 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ อายุ ของนักเรียนมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้
การยอมรับเทคโนโลยี อายุ D. F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 2 .613 .306 .685 ภายในกลุ่ม 297 133.631 .447 รวม 299 133.63
จากตาราง เรียนที่มีอายุเท่ากัน และ นักเรียนที่มีอายุต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 20 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ อายุ ของนักเรียนมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดัง
การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย อายุ D.F squares squares F ระหว่างกลุ่ม 2 1.89 .945 1.208 ภายในกลุ่ม 297 232.54 .783 รวม 299 234.43
จากตารางที่ 20 เรียนที่มีอายุเท่ากัน และ นักเรียนที่มีอายุต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 21 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ ระดับชั้นที่กำลังศึกษา ของนักเรียนมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้
การยอมรับเทคโนโลยี ระดับชั้น D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 5 8.261 1.652 .002* ภายในกลุ่ม 294 125.371 .4264 รวม 299 133.633 sig. < .01*
จากตารางที่ 21 นักเรียนที่มีระดับชั้น ต่างกันจะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางทดสอบรายคู่ ระดับชั้น ม.1 ม.2 ม.6 ม.3 ม.4 ม.5 X ม.1 (G1) 3.29 ม.2(G2) 3.61 ม.6(G6) 3.67 ม.3(G3) 3.76 ม.4(G4) 3.90 ม.5(G5) 4.05 * ผลการทดสอบรายคู่ ปรากฎว่า ระดับชั้น ม.5 กับ ม. 6 มีการยอมรับเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 22 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ ระดับชั้นที่กำลังศึกษา ของนักเรียนมัธยม การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ระดับชั้น D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 5 9.733 1.946 2.247 ภายในกลุ่ม 294 224.698 .764 รวม 299 234.431
จากตารางที่ 22 นักเรียนที่มีระดับชั้นเดียวกัน และ ระดับชั้นต่างกันจะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01 ตารางที่ 23 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ รายได้เฉลี่ยจากผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี รายได้เฉลี่ย D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 5 2.949 .589 1.327 ภายในกลุ่ม 294 130.683 .444 รวม 299 228.736 จากตารางที่ 23 นักเรียนที่มีรายได้เฉลี่ยจากผู้ปกครองเท่ากัน และมีรายเฉลี่ยจากผู้ปกครองต่างกันจะมีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 24 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ รายได้เฉลี่ยจากผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดัง การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย รายได้เฉลี่ย D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 5 7.531 1.506 1.951 ภายในกลุ่ม 294 226.900 .771 รวม 299 234.431 จากตารางที่ 24 นักเรียนที่มีรายได้เฉลี่ยจากผู้ปกครองเท่ากัน และ นักเรียนที่มีรายเฉลี่ยจากผู้ปกครองต่างกันจะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 25 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ รายได้เฉลี่ยของผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี รายได้เฉลี่ยของผู้ปกครอง D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 4 .786 .196 .436 ภายในกลุ่ม 295 132.847 .450 รวม 299 133.633 จากตารางที่ 25 นักเรียนที่ผู้ปกครองมีรายได้เฉลี่ยเท่ากัน และ นักเรียนที่ผู้ปกครองมีรายเฉลี่ยต่างกันจะมีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 26 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ รายได้เฉลี่ยของผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย รายได้เฉลี่ยของผู้ปกครอง D.F SS MS F ระหว่างกลุ่ม 4 3.379 .844 1.078 ภายในกลุ่ม 295 231.052 .783 รวม 299 234.431 จากตารางที่ 26 นักเรียนที่ผู้ปกครองมีรายได้เฉลี่ยเท่ากัน และ นักเรียนที่ผู้ปกครองมีรายเฉลี่ยต่างกันจะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 27 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ อาชีพของผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี อาชีของผู้ปกครอง D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 4 .371 .867 1.966 ภายในกลุ่ม 295 130.162 .441 รวม 299 133.633 จากตารางที่ 27 นักเรียนที่ผู้ปกครองมีอาชีพเหมือนกัน และ นักเรียนที่ผู้ปกครองมีอาชีพต่างกันจะมีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 28 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ อาชีพของผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย อาชีพของผู้ปกครอง D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 4 2.688 .672 .855 ภายในกลุ่ม 295 231.743 .785 รวม 299 234.431 จากตารางที่ 28 นักเรียนที่ผู้ปกครองมีอาชีพเหมือนกัน และ นักเรียนที่ผู้ปกครองมีอาชีพต่างกันจะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 29 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การดำรงตำแหน่งของผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี ตำแหน่งของผู้ปกครอง D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 6 4.097 .682 1.544 ภายในกลุ่ม 293 129.536 .442 รวม 299 133.633 จากตารางที่ 29 นักเรียนที่ผู้ปกครองมีตำแหน่งงานเหมือนกัน และ นักเรียนที่ผู้ปกครองมีตำแหน่งงานต่างกันจะมีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 30 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การดำรงตำแหน่งของผู้ปกครอง ของนักเรียนมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ตำแหน่งของผู้ปกครอง D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 6 3.367 .561 .711 ภายในกลุ่ม 295 231.064 .788 รวม 299 234.431 จากตารางที่ 30 นักเรียนที่ผู้ปกครองมีตำแหน่งงานเหมือนกัน และ นักเรียนที่ผู้ปกครองมีตำแหน่งงานต่างกันจะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 31 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ เพศ ของครูมัธยม กับ การยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี เพศ จำนวน X SD F sig. ชาย 40 3.64 .790 7.269 .008* หญิง 60 3.63 .584 sig. < .01* จากตารางที่ 31 ครูมัธยมชาย และ ครูมัธยมหญิง มีการยอมรับเทคโนโลยี ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01 หมายความว่า ครูมัธยมชายจะมีการยอมรับเทคโนโลยีมากกว่า ครูมัธยมหญิง
ตารางที่ 32 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ เพศ ของครูมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เพศ จำนวน X SD F sig. ชาย 40 3.31 .974 .718 .400 หญิง 60 3.42 .856 จากตารางที่ 32 ครูมัธยมชาย และ ครูมัธยมหญิง มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < . 01 ตารางที่ 33 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ สถานภาพทางการสมรสของครูมัธยม กับ การยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี สถานภาพ จำนวน X SD F sig. โสด 46 3.75 .591 .810 .370 สมรส 54 3.53 .721 จากตารางที่ 33 ครูมัธยมที่มีสถานะภาพโสด และ ครูมัธยทีมีสถานะภาพสมรส มีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 34 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ สถานภาพทางการสมรสของครูมัธยม กับ การยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย สถานภาพ จำนวน X SD F sig. โสด 46 3.50 .857 .944 .334 สมรส 54 3.26 .932 จากตารางที่ 34 ครูมัธยมที่มีสถานะภาพโสด และ ครูมัธยที่มีสถานะภาพสมรส มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 35 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เครื่องคอมพิวเตอร์ ของครู กับ การยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี เครือคอมพิวเตอร์ จำนวน X SD F sig. มี 67 3.82 .558 .911 .342 ไม่มี 33 3.27 .753 จากตารางที่ 35 ครูมัธยมที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว และ ครูมัธยมที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว มีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 36 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เครื่องคอมพิวเตอร์ ของครู กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน X SD F sig. มี 67 3.57 .795 2.453 .121 ไม่มี 33 2.98 .985 จากตารางที่ 36 ครูมัธยมที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว และ ครูมัธยมที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ส่วนตัว มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 37 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ อายุ ของครูมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี อายุ D.F SS MS F ระหว่างกลุ่ม 3 4.11 1.370 3.254 ภายในกลุ่ม 96 40.40 .420 รวม 99 44.51 จากตารางที่ 37 ครูมัธยมที่มีอายุเท่ากัน กับ ครูมัธยมที่มีอายุต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 38 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ อายุ ของครูมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย อายุ D.F SS MS F ระหว่างกลุ่ม 3 8.85 2.950 .010* ภายในกลุ่ม 96 71.76 .747 รวม 99 80.61 sig. < .01* จากตารางที่ 38 ครูมัธยมที่มีอายุต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01 ตารางที่ 39 ทดสอบความแตกต่างรายคู่ อายุ X (G1) (G2) (G3) (G4) ต่ำกว่า 22 ปี (G1) 3.85 23 -30 ปี (G2) 3.82 * 31 -40 ปี (G3) 3.38 41 ปีขึ้นไป (G4) 3.10 จากตารางที่ 39 ผลการทดสอบรายคู่ พบว่า ครูที่มีอายุ 23 -30 ปี มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายแตกต่างกับ ครูอายุ 41 ปี ขึ้นไป ตามนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 40 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ คุณวุฒิการศึกษา ของครูมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี คุณวุฒิการศึกษา D.F SS MS F ระหว่างกลุ่ม 2 1.43 .718 1.616 ภายในกลุ่ม 97 43.08 .444 รวม 99 44.512 จากตารางที่ 40 ครูมัธยมที่มีคุณวุฒิการศึกษาเท่ากัน กับ ครูมัธยมที่มีคุณวุฒิการศึกษาต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01 ตารางที่ 41 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ คุณวุฒิการศึกษา ของครูมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย คุณวุฒิการศึกษา D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 2 3.22 1.614 2.024 ภายในกลุ่ม 97 77.38 .797 รวม 99 80.611 จากตารางที่ 41 ครูมัธยมที่มีคุณวุฒิการศึกษาเท่ากัน กับ ครูมัธยมที่มีคุณวุฒิการศึกษาต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 42 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ รายได้ต่อเดือน ของครูมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี รายได้ต่อเดือน D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 3 2.55 .852 1.949 ภายในกลุ่ม 96 41.96 .437 รวม 99 44.51 จากตารางที่ 42 ครูมัธยมที่มีรายได้ต่อเดือนเท่ากัน กับ ครูมัธยมที่มีรายได้ต่อเดือนต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 43 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ รายได้ต่อเดือน ของครูมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย คุณวุฒิการศึกษา D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 3 3.71 1.238 1.546 ภายในกลุ่ม 96 76.90 .801 รวม 99 80.614 จากตารางที่ 43 ครูมัธยมที่มีคุณวุฒิการศึกษาเท่ากัน กับ ครูมัธยมที่มีคุณวุฒิการศึกษาต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 44 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การดำรงตำแหน่ง ของครูมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี ตำแหน่ง D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 5 4.79 .958 2.267 ภายในกลุ่ม 94 39.72 .422 รวม 99 44.510 จากตารางที่ 44 ครูมัธยมที่ดำรงตำแหน่งเดี่ยวกัน กับ ครูมัธยมที่ดำรงตำแหน่งต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 45 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การดำรงตำแหน่ง ของครูมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ตำแหน่ง D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 5 8.17 1.635 2.122 ภายในกลุ่ม 94 72.43 .770 รวม 99 80.615 จากตารางที่ 45 ครูมัธยมที่ดำรงตำแหน่งเดี่ยวกัน กับ ครูมัธยมที่ดำรงตำแหน่งต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 46 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ ลักษณะงานที่รับผิดชอบ ของครูมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี ลักษณะงานที่รับผิดชอบ D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 2 .72 .360 .797 ภายในกลุ่ม 97 43.79 .451 รวม 99 44.511 จากตารางที่ 46 ครูมัธยมที่มีลักษณะงานที่รับผิดชอบเหมือนกัน กับ ครูมัธยมที่มีลักษณะงานที่รับผิดชอบต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P< .01
ตารางที่ 47 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ ลักษณะงานที่รับผิดชอบ ของครูมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ลักษณะงานที่รับผิดชอบ D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 2 .35 .176 .213 ภายในกลุ่ม 97 80.26 .827 รวม 99 80.613 จากตาราง 47 ครูมัธยมที่มีลักษณะงานที่รับผิดชอบเหมือนกัน กับ ครูมัธยมที่มีลักษณะงานที่รับผิดชอบต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P < .01
ตารางที่ 48 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การปฏิบัติการสอนรายวิชา ของครูมัธยม กับการยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การยอมรับเทคโนโลยี สอนรายวิชา D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 7 4.92 .704 1.636 ภายในกลุ่ม 92 39.59 .430 รวม 99 44.514 จากตารางที่ 48 ครูมัธยมที่มีการปฏิบัติการสอบรายวิชาเดี่ยวกัน กับ ครูมัธยมที่มีการปฏิบัติการสอนรายวิชาต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P< .01
ตารางที่ 49 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ การปฏิบัติการสอนรายวิชา ของครูมัธยม กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ดังนี้ การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย สอนรายวิชา D.F. SS MS F ระหว่างกลุ่ม 7 14.71 2.106 2.933 ภายในกลุ่ม 92 65.90 .716 รวม 99 80.61 จากตารางที่ 49 ครูมัธยมที่มีการปฏิบัติการสอนรายวิชาเดี่ยวกัน กับ ครูมัธยมที่มีการปฏิบัติการสอนรายวิชาต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ที่ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาวสถิติที่ระดับ P< .01
สมมุติฐานที่ 2
กลุ่มครู กับ กลุ่มครู ที่มีสถานของโรงเรียนที่แตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์ แตกต่างกัน
3.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้
ตารางที่ 59 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 1. ความได้เปรียบเชิงเทียบ ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 1. ความได้เปรียบเชิงเทียบ ใหญ่ 52 3.88 .695 2.344 1.01 กลาง 28 3.61 .757 เล็ก 20 4.05 .699 จากตารางที่ 59 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความได้เปรียบเชิงเทียบ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 60 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 2. ความเข้ากันได้ ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 2. ความเข้ากันได้ ใหญ่ 52 3.77 .806 2.911 .059 กลาง 28 3.37 .753 เล็ก 20 3.90 1.007 จากตารางที่60 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความเข้ากันได้ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 61 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 3.ความซับซ้อนยุ่งยาก ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 3.ความซับซ้อนยุ่งยาก ใหญ่ 52 3.65 .894 3.967 .022** กลาง 28 3.08 .943 เล็ก 20 3.72 1.032 P < .05** จากตารางที่ 61 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความซับซ้อนยุ่งยาก แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 62 การทดสอบความแตกต่างรายคู่ ดังนี้ ขนาดของโรงเรียน X (G1) (G2) (G3) ใหญ่ (G1) 3.653 กลาง (G2) 3.089 * เล็ก (G3) 3.725 จากตารางที่ 62 แสดงว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดใหญ่ กับ ครูมัธยมโรงเรียนขนาดกลาง มีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความซับซ้อนยุ่งยาก แตกต่างกัน หมายความว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดใหญ่ จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความซับซ้อนยุ่งยาก มากกว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดกลาง
ตารางที่ 63 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 4. ความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 4. ความสามารถ ใหญ่ 52 3.61 .764 1.655 .196 นำไปทดลองใช้ได้ กลาง 28 3.46 .942 เล็ก 20 3.90 .788 จากตารางที่ 63 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 64 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 5. ความสามารถสังเกตเห็นผลได้ ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 5.ความสามารถ ใหญ่ 52 3.06 .709 .841 .434 สังเกตเห็นผลได้ กลาง 28 3.37 .715 เล็ก 20 3.55 .944 จากตารางที่ 64 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความสามารถสังเกตเห็นผลได้ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 65 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. รวม ใหญ่ 52 3.70 .620 3.193 .045** กลาง 28 3.38 .629 เล็ก 20 3.82 .775 P < .05** จากตารางที่ 65 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 66 ทดสอบความแตกต่างรายคู่ ขนาดของโรงเรียน X (G1) (G2) (G3) ใหญ่ (G1) 3.70 กลาง (G2) 3.38 * เล็ก (G3) 3.82 * จากตารางที่ 66 แสดงว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดใหญ่ กับ ครูมัธยมโรงเรียนขนาดกลาง มีการยอมรับเทคโนโลยี แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05 หมายความว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดใหญ่จะมีการยอมรับมากกว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดกลาง และ ครูมัธยมขนาดเล็ก กับครูมัธยมโรงเรียนขนาดกลาง มีการยอมรับเทคโนโลยี แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05 หมายความว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดเล็ก จะมีการยอมรับเทคโนโลยี มากกว่า ครูมัธยมโรงเรียนขนาดกลาง
3.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้
ตารางที่ 67 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1. ความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 1. ความต้องการสร้าง ใหญ่ 52 3.70 .899 .069 .933 เอกลักษณ์ของตัวเอง กลาง 28 3.72 .882 เล็ก 20 3.78 .787 จากตารางที่ 67 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เพื่อความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 68 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2. ความต้องการมีการติดต่อทางสังคม ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 2. ความต้องการมีการ ใหญ่ 52 3.24 1.054 1.844 .163 ติดต่อทางสังคม กลาง 28 2.76 1.161 เล็ก 20 3.23 1.007 จากตารางที่ 68 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เพื่อความต้องการมีการติดต่อทางสังคม ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 69 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 3.ความต้องการสิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 3. ความต้องการสิ่งแปลก ใหญ่ 52 3.10 .984 .447 .640 ใหม่ และความบันเทิง กลาง 28 2.91 1.016 เล็ก 20 3.17 1.085 จากตารางที่ 69 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เพื่อความต้องการสิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 70 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 4. ความต้องการข้อความจริงและความรู้เกี่ยวกับโลก ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 4. ความต้องการข้อความจริง ใหญ่ 52 3.75 1.110 2.425 .093 และความรู้เกี่ยวกับโลก กลาง 28 3.23 1.109 เล็ก 20 3.80 .965 จากตารางที่ 70 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เพื่อความต้องการข้อความจริงและความรู้เกี่ยวกับโลก ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 71 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ของกลุ่มครูมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดัง ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. รวม ใหญ่ 52 3.45 .911 1.176 .313 กลาง 28 3.15 .907 เล็ก 20 3.49 .861 จากตารางที่ 71 ครูมัธยม ที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
สมมุติฐานที่ 3
กลุ่มนักเรียน กับ กลุ่มนักเรียน ที่มีสถานะของโรงเรียนที่แตกต่างกัน จะมี การยอมรับเทคโนโลยี และการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย แตกต่างกัน
4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ตารางที่ 72 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 1. ความได้เปรียบเชิงเทียบ ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 1. ความได้เปรียบเชิงเทียบ ใหญ่ 174 4.02 .673 1.686 .186 กลาง 90 3.86 .788 เล็ก 36 4.05 .644 จากตารางที่ 72 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความได้เปรียบเชิงเทียบ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 73 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 2. ความเข้ากันได้ ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 2. ความเข้ากันได้ ใหญ่ 174 3.93 .703 1.386 .251 กลาง 90 3.78 .857 เล็ก 36 4.00 .828 จากตารางที่ 73 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความเข้ากันได้ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 74 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 3. ความซับซ้อนยุ่งยาก ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 3.ความซับซ้อนยุ่งยาก ใหญ่ 174 3.77 .730 .462 .630 กลาง 90 3.83 2.333 เล็ก 36 3.56 .863 จากตารางที่ 74 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความซับซ้อนยุ่งยาก ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 75 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 4. ความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig . 4. ความสามารถ ใหญ่ 174 3.83 .910 .7580 .469 นำไปทดลองใช้ได้ กลาง 90 3.77 .848 เล็ก 36 3.98 .814 จากตารางที่ 75 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความสามารถนำไปทดลองใช้ได้ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 76 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม 5. ความสามารถสังเกตเห็นผลได้ ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 5.ความสามารถ ใหญ่ 174 3.74 .886 .069 .933 สังเกตเห็นผลได้ กลาง 90 3.77 .881 เล็ก 36 3.79 .822 จากตารางที่ 76 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยีในเชิงความสามารถสังเกตเห็นผลได้ ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 77 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การยอมรับเทคโนโลยี จำแนกจากคุณลักษณะของนวัตกรรม ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของนวัตกรรม ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. รวม ใหญ่ 174 3.85 .590 .230 .794 กลาง 90 3.80 .819 เล็ก 36 3.88 .615 จากตารางที่ 77 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกัน จะมีการยอมรับเทคโนโลยี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้
ตารางที่ 78 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้าน 1. ความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 1. ความต้องการสร้าง ใหญ่ 174 3.63 .989 .638 .528 เอกลักษณ์ของตัวเอง กลาง 90 3.73 .926 เล็ก 36 3.53 .910 จากตารางที่ 78 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกับ จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเพื่อความต้องการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 79 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้าน 2. ความต้องการมีการติดต่อทางสังคม ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 2. ความต้องการมีการ ใหญ่ 174 3.59 .968 4.739 .009** ติดต่อทางสังคม กลาง 90 3.21 1.136 เล็ก 36 3.24 1.064 P < .05** จากตารางที่ 79 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกับ จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเพื่อความต้องการมีการติดต่องทางสังคม แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 80 ทดสอบความแตกต่างรายคู่ ขนาดโรงเรียน X (G1) (G2) (G3) ใหญ่ (G1) 3.593 * กลาง (G2) 3.214 เล็ก (G3) 3.240 จากตารางที่ 80 แสดงว่า นักเรัยนมัธยมโรงเรียนขนาดใหญ่ กับ นักเรียนมัธยมโรงเรียนขนากกลาง มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย เพื่อการติดต่อทางสังคม หมายความว่า นักเรียนมัธยมโรงเรียนขนาดใหญ่ จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายมากกว่า นักเรียนมัธยมโรงเรียนขนาดกลาง
ตารางที่ 81 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้าน 3.ความต้องการสิ่งแปลกใหม่ และ ความบันเทิง ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 3.ความต้องการสิ่งแปลกใหม่ ใหญ่ 174 3.68 .973 .710 .492 และความบันเทิง กลาง 90 3.56 1.028 เล็ก 36 3.77 .981 จากตารางที่ 81 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกับ จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเพื่อความต้องการสิ่งแปลกใหม่และความบันเทิง ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 82 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้าน 4. ความต้องการข้อความจริงและความรู้เกี่ยวกับโลก ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. 4. ความต้องการข้อความจริง ใหญ่ 174 3.62 1.081 .621 .537 และความรู้เกี่ยวกับโลก กลาง 90 3.47 1.154 เล็ก 36 3.62 1.161 จากตารางที่ 82 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกับ จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเพื่อความต้องการข้อความจริงและความรู้เกี่ยวกับโลก ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
ตารางที่ 83 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยว การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน จำแนกจากคุณลักษณะของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้าน ต่างๆ ของกลุ่มนักเรียนมัธยม แบ่งเป็นโรงเรียน ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ดังนี้ ลักษณะของระบบเครือข่าย ขนาดโรงเรียน จำนวน X SD F sig. รวม ใหญ่ 174 3.63 .859 .754 .471 กลาง 90 3.49 .937 เล็ก 36 3.54 .881 จากตารางที่ 83 นักเรียนมัธยมที่มีสถานะของโรงเรียนแตกต่างกับ จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่าย ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < .05
สมมุติฐานที่ 4
การยอมรับเทคโนโลยี มีความสัมพันธ์กับ การใช้ประโยชน์ จากเครือข่ายโรงเรียนของครูและนักเรียนมัธยม ในเขตกรุงเทพมหานคร
สมมุติฐานทางสถิติ เป็นดังนี้
H0 : P = 0 H1 : P = 0
โดยที่ P หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างการยอมรับเทคโนโลยี กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ของครู และ นักเรียนมัธยม ในเขตกรุงเทพมหานคร
ตารางที่ 84 ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ระหว่าง การยอมรับเทคโนโลยี กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยมในเขตกรุงเทพมหานคร ตัวแปร การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน การยอมรับเทคโนโลยี R = .453** (N=400) P = 0.000 sig. < .01** จากตารางที่ 84 พบว่า การยอมรับเทคโนโลยี ของครูและนักเรียนมัธยมในเขตกรุงเทพมหานคร มีความสัมพันธ์กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน เพราะ R = .453 , P < .01 จึงมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก หมายความว่า ครูและนักเรียนมัธยม มีการยอมรับเทคโนโลยีมาก ก็จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายมาก และ ครูและนักเรียนมัธยม มีการยอมรับเทคโนโลยีน้อย ก็จะมีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายน้อย
สมมุติฐานที่ 5
การยอมรับเทคโนโลยี มีความสัมพันธ์กับ พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียนของครูและนักเรียนมัธยม ในเขตกรุงเทพมหานคร
สมมุติฐานทางสถิติ เป็นดังนี้
H0 : P = 0 H1 : P = 0
โดยที่ P หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างการยอมรับเทคโนโลยี กับ พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียน ของครู และ นักเรียนมัธยม ในเขตกรุงเทพมหานคร
ตารางที่ 85 ค่าสัมประสิทธิสหสัมพันธ์ระหว่าง การยอมรับเทคโนโลยี กับ พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียน ของครูและนักเรียนมัธยมในเขตกรุงเทพมหานคร ตัวแปร พฤติกรรมการใช้เครือข่ายโรงเรียน การยอมรับเทคโนโลยี R = - .090 (N=400) P = 0.074 จากตารางที่ 85 พบว่า การยอมรับเทคโนโลยี ของครูและนักเรียนมัธยมในเขตกรุงเทพมหานคร ไม่มีความสัมพันธ์กับ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายโรงเรียน เพราะ R = - .090 , P > .01 จึงไม่มีความสัมพันธ์กัน