การเข้าถึงและการมีส่วนร่วมในเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
มีผลต่อการปรับสถานภาพของผู้หญิง
|
||
จาก
วารสาร Media
โดย Lillian Mercado Carreon |
||
ความต้องการความรู้อย่างมากนี้
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลก
โดยการพัฒนาของเทคโนโลยีอันหลากหลาย
ภาวะการแข่งขันที่สูง
ในสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้
และระบบเศรษฐกิจที่นำมาสิ่งผลแห่งการพัฒนา
และระบบเศรษฐกิจนี้เอง
ระบบอุตสาหกรรมการสื่อสาร
และข้อมูล
จึงเป็นนวัตกรรมใหม่
การเติบโตของเทคโนโลยีสารสนเทศ
นี้เองทำให้เกิดการสื่อสารของระบบจักรวาล
และ
การไหลเวียนของข้อมูลที่เป็นไปได้
ในก้าวไปอย่างเป็นลำดับและเป็นไปตามแนวทางอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
การเข้าถึงเทคโนโลยีนำความเป็นส่วนตัว
การสื่อสารอันหลากหลาย
ความเป็นชาติ
และภูมิภาค
อันมีความสามารถปฏิสัมพันธ์และสื่อสาร
บนขอบเขตของโลก
และในระดับที่รวดเร็ว
ราคาถูก
และมากด้วยประสิทธิภาพ
มากกว่ารุ่นก่อนๆ
ถ้าการจ้างงานในระบอบประชาธิปไตย
เทคโนโลยีนี้เป็นเครื่องมืออันทรงพลัง
สำหรับการรุดหน้าของระบบเศรษฐกิจในบนความเสมอภาค
และการพัฒนาสังคม
รวมทั้งการเท่าเทียมทางเพศ
อย่างไรก็ตาม
ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลและการสื่อสารโลก
จะสร้างสิ่งตรงข้ามความเป็นจริงสำหรับผู้หญิง
สองประการด้วยกัน
ด้านหนึ่ง
ผู้หญิงมีโอกาสทำงานใหม่ๆ
เป็นผลมาจากเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่
แต่ในทางกลับกัน
ผู้หญิงมีประสบการณ์ที่รายงานถึงการเพิ่งการจ้างงาน
ซึ่งเป็นผลมาจากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่นี้ด้วย
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่นี้มีการเติบโตอย่างเป็นไปได้อย่างมาก
สำหรับการปฏิสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมสากล
แต่ในเวลาเดียวกัน
ก็ขาดเชิงลึกออกไป
ฉะนั้นใครที่มีการเข้าถึงและใครมีการเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใหม่นี้
มันจะเป็นเครือข่ายและหนทางอันหลากหลาย
ที่พวกเขานั้นไม่สามารถเป็นไปได้ล่วงหน้า
ทรัพยากรเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีส่วนคลอบคลุม
จากกระแสหลักข้อมูล
และพื้นที่การสื่อสาร
ในกระแสโลก ผลกระทบต่อผู้หญิง
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เกิดการสลับสื่อมวลชนเอเชียในทศวรรษล่าสุด
กฏเกณฑ์ทางเพศในการทำงานของสื่อมวลชน
สิ่งที่เหลืออยู่สถานที่ทำงานเป็นพื้นฐานเหมือนกัน
ในปี 1997
มี 10 ประเทศที่ทำการสำรวจโดยสถาบัน
ในประเทศจีน
ผู้หญิงไม่ได้รับการถูกนำเสนอเป็นตัวแทนในขั้นการตัดสินใจขององค์กรสื่อ
เพียงแค่ 8.5
เปอร์เซ็นต์ที่เป็นผู้หญิงในระบบบริหารและระดับกองบรรณาธิการขององค์กรข่าวและเป็นอันดับสามใน
87,000 คนในนักข่าวหรือนักเขียน
ในสื่อของจีนที่เป็นผู้หญิง ในประเทศไทย
จำนวนผู้หญิงในระดับมืออาชีพที่ทำงานในอุตสาหกรรมสื่อมีจำนวนต่ำ
เพียง 0.1
เปอร์เซ็นต์
เมื่อเปรียบเทียบกับ
ผู้ชายที่เป็น
2.2 เปอร์เซ็นต์
จาก
นักสื่อสารมวลชนจำนวนกว่า
4,332 คน
มีเพียง 17 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นผู้หญิง
ที่ก่อตั้งในส่วนของแผนกที่เกี่ยวแรงงานทางเพศ
นั้นหมายถึงว่าผู้หญิงจะทำงานในส่วนของข่าวสังคม
และคอลัมภ์กอสสิบ
ในขณะที่ผู้ชายจะดูแลส่วนของการเมืองการปกครองและข่าวเศรษฐกิจ
ผู้หญิงจะถูกรวมกลุ่มในเจ้าหน้าที่ตำแหน่งทั่วไป
อย่างเช่น
นักบัญชีชั้นสูง
และผู้ประสานงาน
ผู้หญิงที่เป็นนักบริหารชั้นสูงในสื่อ
โดยส่วนใหญ่เธอจะเป็นเจ้าของกิจการเสียเอง
ซึ่งนับตั้งแต่การอคติทางเพศ
ถูกกล่าวถึงในแผนกต่างๆของลูกจ้าง
ผู้หญิงจะถูกให้ทำงานในงานที่มีความสำคัญน้อย
จะได้รับโอกาสในการสนับสนุนน้อง
เป็นผลมาจากจำนวนผู้บริหารสตรีที่ปรากฏมีจำนวนน้อยกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงที่อยู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงไม่ได้เป็นค่านิยม
พวกเราจะไม่ความอยากในส่วนทำงานมากกว่าผู้ชายและมักจะมีเงื่อนไขพิเศาหรือเป็นนักการเงินที่ล้มเหลวต่อความสำเร็จ
ในประเทศเกาหลีใต้
จากการสำรวจหนังสือพิมพ์รายวัน
21 แห่ง
เอเจนซี่ใหม่
และเครือข่ายสื่อมวลชนพบว่าจำนวนนักข่าวผู้หญิงในนักหนังสือพิมพ์รายวันหลักมีจำนวนลดลงจาก
8.2 เปอร์เซ็นต์
ในปี 1990 และมีจำนวนเฉลี่ยเพียง
5.5 เปอร์เซ็นต์ในปี
1995 อย่างไรก็ตามสัดส่วน
ของนักข่าวผู้หญิงจะมียอดสูงในเฉพาะหนังสือพิมพ์รายวันพิเศษ
อย่างเช่น
ภาษาอังกฤษ
42 เปอร์เซ็นต์
หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ
9 เปอร์เซ็นต์
เหตุผลสำหรับการอธิบายความแตกต่างของอัตราการจ่ายค่าตอบแทน
นักข่าวหญิงควรจะได้รับความเท่าเทียมกันกับนักข่าวผู้ชายที่ถูกซื้อตัวอย่างถูกจากสื่อ
ผู้จบการศึกษาในส่วนของสื่อสารมวลชนจากมหาวิทยาลัยมีความต้องการยอ่งมาที่จะทำงานในองค์กรสื่อหลัก
ตั้งแต่
นักหนังสือพิมพ์ได้รับงานที่ค่าตอบแทนดี
มันเป็นเรื่องที่ยากอย่างมากสำหรับผู้หญิงจะมาทำเป็นนักข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันหลัก
และเครือข่ายโทรทัศน์
เพราะว่าความชัดเจนและการซ่อนเร้นจะแยกมาตรการการต่อต้านผู้หญิงในขั้นการตัดสินใจในองค์กรสื่อสารมวลชน
ผู้หญิงที่มีกำแพงการวิจารณ์นั้นก็คือพวกเขาไม่รับความเป็นธรรมในกระบวนการการทำงานและการสนับสนุนในองค์กรสื่อที่ถือว่าผู้ชายดูแลทั้งหมดที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้หญิงในสื่อคือเหตุสำคัญที่จะปรับสถานภาพสื่อผู้หญิงและเพิ่มความสามารถที่จะช่วยปรับปรุงสถานะของผู้หญิงทั้งหมดในสังคม
นี้เป็นเป้าหมายที่เป็นรูปแบบสำหรับการดำเนินงาน
การจัดวาระของโลกโดยองค์การต่างประเทศ
อย่างเช่น UN
,Civil Society และ
ตัวแทนของสื่อตั้งแต่การประชุมโลกครั้งที่
4 เพื่อผู้หญิงในปี
1995 ณ
กรุงปักกิ่ง
หนึ่งประเด็นที่วิพากย์ในรูปแบบก็คือสื่อและความสัมพันธ์ของมันเอง
มีการกำหนดวัตถุประสงค์สองประการด้วยกัน
ใน
5 ปีที่ผ่านมา
นับตั้งแต่การประชุมโลกครั้งที่สี่
เกี่ยวกับผู้หญิง
และพวกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงพวกที่เกิดขึ้น
ในภาคของผู้หญิงทั้งหมายด้านการศึกษาหลักและการฝึกอบรม
และการทำงานของสื่อ
จำนวนของผู้หญิงทำงานที่กระเถิบตัวเองในสื่อมวลชนเป็นท้าทายที่สำคัญ
การทดสอบสื่อในระยะยาว
และงานประจำ
และมาตรฐานสำหรับนักข่าว
เพราะว่ามันจะสร้างความกดดันในสื่อของพวกเขาเอง
นี้เป็นหลักฐานในทุกๆแห่ง
ว่าเมื่อผู้หญิงประกอบกำลัง
กัน
พวกเขาสามารถและสร้างความแตกต่าง
ในบางกรณีที่มีผู้หญิงจะทำให้เกิดผลกระทบเปลี่ยนแปลงทางบวกการรายงานข่าวและภาพรวมของผู้หญิง
ดังตัวอย่างดังนี้ ในประเทศญี่ปุ่นการใช้
“ข่มขืน”
จะถูกหลีกเลี่ยงในเรื่องราวที่เกี่ยวกับการข่มขืน
คำที่ถูกใช้จะเป็นส่วนของความรุนแรง
อย่างกรณีที่เหยื่อเป็นผู้หญิงโต
และส่วนของชาวญี่ปุ่นสำหรับการทำร้าย
เมื่อเหยื่อเป็นเด็กผู้หญิง
นี่เป็นแบบที่สนับสนับการป้องกันเหยื่อจากความด่างพร้อยทางสังคม
แต่อย่างมันก็เป็นเหตุธรรมดาที่สื่อจะกล่าวถึงชื่อของเหยื่อ
แต่เหตุการต่อต้านของผู้หญิง
บางหนังสือพิมพ์มีการเริ่มใช้ชื่อข่มขื่น
ว่า “ข่มขื่น”
และเก็บชื่อของเหยื่อไว้
นี่ก็คือกลยุทธ์การปรับ
เพราะว่ามันเป็นชื่อที่แสดงถึงการข่มข่มซึ่งมีการยอมรับปริมาณเท่ากันการต่อต้านอาชญากรรมผู้หญิง
การฝ่าฝืนสิทธิสตรี
ในอีกคำหนึ่งใช้กับภาษาญี่ปุ่นในสังคมญี่ปุ่นยอมรับว่าการข่มขืนเป็นปัญหาและการช่วยการกำจัดปฏิเสธข้อหาในสังคมญี่ปุ่น ในประเทศฟิลิปปินส์
นักข่าวผู้หญิงมีตำแหน่งเก้าอี้เหนือผู้ชาย
และถูกพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีความสามารถ
และพวกเขาเข้าในเรื่องของความละเอียดอ่านทางเพศ
และประเด็นที่ดำเนินไปของผู้หญิงโดยประเพณีอันหลายหลายที่ชี้ว่ามันเหมาะจะเป็นและไม่เหมาะจะเป็น
นี้เป็นมาตรฐานที่มีการสร้างขึ้นในส่วนคลอบครองทั้งของผู้หญิงในสื่อกระแสสำคัญ |