ล่องแก่ง

            กิจกรรมการท่องเที่ยวท้าทายความสามารถ หนึ่งในกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ถ้าคุณเป็นคนชอบความท้าทาย ชอบสัมผัสธรรมชาติ ชอบเดินป่าละก็ ล่องแก่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด แก่งต่างๆที่มีอยู่ในประเทศไทยมีอยู่มากมาย มีตั้งแต่ง่ายมาก จนกระทั่งยากสุดๆ ถ้าจะให้ดีควรจะไปเยือนทุกแก่ง เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตนเอง แต่ทั้งนี้ควรจะเริ่มผจญภัยตั้งแต่ แก่งที่ง่าย ไปแก่งที่ยากเพื่อความชำนาญ เหมือนการเรียนเลื่อนชั้น ที่สำคัญควรเตรียมพร้อมทั้งกำลังกาย และกำลังใจ ยิ่งถ้าจะให้สนุกก็คงต้องไปกันเป็นกลุ่ม แต่ความปลอดภัยก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ดังนั้นก็ไม่ควรประมาท 

ข้อปฏิบัติในการล่องแก่ง

  1. ก่อนที่จะทำการล่องแก่ง เราควรศึกษาและสำรวจเส้นทางของลำน้ำ และกระแสน้ำที่ไหลอย่างดีเสียก่อนว่า สายน้ำที่ไหลและทิศทางของน้ำไหลผ่านจุดใด และจุดใดเป็นช่วงยากหรือง่ายของแก่ง

  2. อุปกรณ์ในการล่องแก่งไม่ว่าจะเป็นแพยาง หรือ แพไม้ไผ่ ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนที่จะทำการล่องแก่ง

  3. ก่อนการล่องแก่งควรฝึกซ้อมทักษะการพายเรือ การถ่อเรือ การจับไม้พาย และการนั่งการทรงตัวในเรือเสียก่อน

  1. ควรมีความพร้อมในการเตรียมเครื่องป้องกันตัว โดยการสวมหมวกกันน๊อคเพื่อกันกระแทกบริเวณศรีษะ และเสื้อชูชีพเพื่อช่วยในการพยุงตัว หากเกิดหลุดจากแพ หรือเรือยาง ส่วนเสื้อผ้าควรสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขาสั้น รองเท้าที่สวมควรเป็นรองเท้าที่มีสายรัดข้อเท้า ไม่ควรสวมรองเท้าแตะ

  2. ในขณะล่องแก่ง ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้บังคับหัวเรือและท้ายเรือที่ให้สัญญาณบอกสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น 

  3. ควรมียาประจำตัวและยาสามัญประจำบ้านติดตัวไปด้วย

  4. ฝึกกำลังใจให้เต็มที่ และตั้งสติ พร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆในการล่องแก่ง

  5. หากมีการรับประทานอาหาร หรือไปประกอบอาหารในป่า ควรเลือกรายการอาหารที่สะดวกง่ายและ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องกระป๋อง ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำ พลาสติคที่ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดขยะ และมลพิษ ทุกครั้งที่เก็บแคมป์ ควรดูแลความสะอาด พยายามให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด 

สถานที่ล่องแก่ง ของนักท่องเที่ยวในเมืองไทย

  1. ล่องแก่งแม่ตื่น จ.เชียงใหม่ แก่งระดับ 3

  2. ล่องแก่งแม่แตง จ.เชียงใหม่ แก่งระดับ 2-4

  3. ล่องแก่งแม่กลอง จ.ตาก แก่งระดับ 2-3

  4. ล่องแก่งทีลอเร จ.ตาก แก่งระดับ 3-4

  5. ล่องแก่งเกาะร้อย จ.กำแพงเพชร แก่งระดับ 3

  6. ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก แก่งระดับ 4-5

  7. ล่องแก่งลำน้ำว้า จ.น่าน แก่งระดับ 3

  8. ล่องแก่งห้วยเขย่ง จ.กาญจนบุรี แก่งระดับ 3

  9. ล่องแก่งแม่น้ำรันตี (แพไม้ไผ่) แก่งระดับ 3

  10. ล่องแก่งซองกาเรีย จ.กาญจนบุรี แก่งระดับ 3

  11. ล่องแก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี แก่งระดับ 3-4

  12. ล่องแก่งโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี แก่งระดับ 2-3

  13. ล่องแก่งน้ำตกมวกเหล็ก จ.สระบุรี แก่งระดับ 2-3

  14. ล่องแก่งลำตะคอง จ.นครราชสีมา แก่งระดับ 2-3

  15. ล่องแก่งพะโต๊ะ จ.ชุมพร แก่งระดับ 3

  16. ล่องแก่งแก่งกรุง จ.สุราษฎร์ธานี แก่งระดับ 3

  17. ล่องแก่งคลองกลาย จ.นครศรีธรรมราช แก่งระดับ 2-3

  18. ล่องแก่งน้ำตกไพรสวรรค์ จ.ตรัง แก่งระดับ 3

  19. ล่องแกงต้นน้ำเพชรบุรี จ.เพชรบุรี แก่งระดับ 2-3

หลักการพายเรือล่องแก่ง 

        ลักษณะของสายน้ำและการอ่านสายน้ำ  ความแรงของกระแสน้ำจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบต่าง ๆ ในธรรมชาติ เช่น ความลึก (Volume) โดยร่องน้ำยิ่งลึกมาก กระแสน้ำก็จะยิ่งไหลแรงมากขึ้นตาม 

การไหลของน้ำ (Gradient) สามารถแยกได้เป็น 2 อย่าง คือ 

  1. แก่ง (Rapid) ซึ่งน้ำจะไหลเร็วและแรงมาก 

  1. แอ่ง (Pool) น้ำจะไหลช้าและมีความลึกมาก ปกติโดยทั่วไป บริเวณต้นแก่งน้ำ จะไหลเอื่อยและช้ากว่ากลางแก่ง หรือปลายแก่ง อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้และนักล่องแก่งต้องคำนึงถึงก็คือ ความเร็วของกระแสน้ำใต้ผิวน้ำและระดับน้ำจะต่างกัน โดยช่วงต่ำ กว่าผิวน้ำลงไป กระแสน้ำจะค่อย ๆ ลดความเร็วลง สำหรับความลาดเอียงของหินใต้น้ำ (River Bend) จะมีผลต่อความแรงของกระแสน้ำด้วย คือบริเวณที่ลึก น้ำจะไหล แรงกว่าบริเวณที่ตื้น และภายใต้กระแสน้ำอาจจะมีหินใต้น้ำที่มองไม่เห็น และเป็นอันตรายไม่น้อย คือต้นไม้ หรือกิ่งไม้ที่ล้ม ขวางน้ำ อาจจะส่งผลอันตรายต่อลูกเรือ หรือตัวเรือได้ 

  • น้ำวน ในกรณีนี้จะต้องพายเรือออกจากศูนย์กลางของวังน้ำวนให้เร็วที่สุดและกรณีผู้ที่ตกน้ำก็เช่นกัน จะต้องพยายาม ว่ายออกจากศูนย์กลางให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่าฝั่งจะอยู่ทางใด และเมื่อหลุดจากวังน้ำวนมาแล้วค่อยว่ายเข้าหาฝั่ง 

  • คลื่น (Wave) ในกระแสน้ำที่ไหลแรงและลึก หินใต้น้ำและผิวน้ำจะทำให้เกิดคลื่นน้อยใหญ่แตกต่างกัน คลื่นนั้นอาจจะ ม้วนเป็นวงอย่างแรง ควรพยายามหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้ควบคุมเรือยาก เรืออาจจะถูกกระแสน้ำม้วนทำให้พลิกคว่ำได้ 

  • น้ำนิ่งหลังแก่ง (Eddy) กระแสน้ำบริเวณหลังแก่งจะเป็นน้ำวนไหลย้อนทิศทาง ทำให้มีความแรงของน้ำน้อยลง สามารถใช้เป็นจุดพักเรือได้  

  • น้ำม้วนหน้าแก่ง (Hydro) เกิดจากกระแสน้ำที่ตกจากที่สูง น้ำที่ตกลงมาจะม้วนตัวอยู่หน้าแก่งก่อนที่จะไหลต่อไป ซึ่ง ถ้ามีความแรงมาก ๆ ก็สามารถที่จะพลิกเรือให้คว่ำได้ และถ้ากระแสน้ำไหลตกจากที่สูงมากเท่าใด ก็จะยิ่งอันตรายมาก เท่านั้น  ถ้ากรณีที่เรือพลิกคว่ำหลังลงจากที่สูงแล้ว ผู้ตกน้ำควรจะดำน้ำมุดหนีโพรงน้ำนั้นให้เร็วที่สุด อย่าพยายามขึ้นมาเหนือน้ำ เพราะกระแสน้ำจะม้วนดูดกลับลงไปอีก 

การช่วยเหลือตัวเองเมื่อพลัดตกเรือ 

        เมื่อตกไปในน้ำก็ให้พยายามว่ายเข้าหาเรือ หรือเข้าฝั่งให้เร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นจากกระแส น้ำที่พัดพาตัวเราให้ไปตกอีกแก่งหนึ่งได้  เมื่อตกน้ำ ให้พยายามลอยตัวให้อยู่เหนือน้ำในลักษณะท่านอนหงาย ยกขาทั้งสองข้างขึ้นระดับผิวน้ำ เสื้อชูชีพจะช่วยพยุง ตัวให้ลอย พยายามให้ขาไปข้างหน้าขณะที่ไหลไปตามกระแสน้ำ ค่อย ๆ เตะขาอย่างช้า ๆ เพื่อชะลอความเร็วและป้องกัน ตัวเองจากการกระแทกกับแก่งหิน  ที่สำคัญอย่างยิ่งในการล่องเรือ ผู้เชี่ยวชาญเน้นที่ความปลอดภัยทุกครั้ง โดยเฉพาะอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น เสื้อชูชีพ หมวกกันน๊อค เสื้อชูชีพจะช่วยพยุงตัวเราให้ลอยเหนือน้ำ ส่วนหมวกกันน๊อคนอกจากจะช่วยป้องกันศีรษะกระแทกกับหินแล้ว ใน กรณีตกจากเรือ ยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุไม้พายของคนข้างหลังตีอีกด้วย 

ระดับของแก่ง

สถานที่แนะนำ

  • ล่องแม่กลอง ทีลอเร จ.ตาก 
    แม่น้ำแม่กลองช่วงล่างจากบ้านปะละทะไปสู่น้ำตกทีลอเร ก่อนที่สายน้ำจะไหลลงใต้ผ่านป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จังหวัด กาญจนบุรี กลายเป็นแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งไหลไปออกแม่น้ำแม่กลองในที่สุด  สายน้ำช่วงนี้มีปริมาณน้ำมากขึ้น เส้นทางคดโค้งไปตามแนวภูเขาสูงชัน ทำให้เต็มไปด้วยเกาะแก่งมากขึ้น ป่าทึบกว่าสาย น้ำตอนบน เนื่องจากสองฝั่งจะไม่มีชุมชนเลย ปลายทางเป็นน้ำตกทีลอเรที่ไหลผ่านชะง่อนผาที่งดงามด้วยมอส เฟิร์น และ เถาวัลย์  สภาพสายน้ำช่วงที่ออกจากบ้านปะละทะยังราบเรียบในชั่วโมงต้น ๆ จึงจะพบกับแก่งใหญ่ ซึ่งสายน้ำค่อนข้างเชี่ยวกราก นับแต่แก่งเลเกติ แก่งบันได แก่งคนมอง ซึ่งอยู่ในระดับ 3-4 เหมาะสำหรับการใช้เรือยาง ไม่ควรล่องด้วยแพไม้ไผ่อย่างยิ่ง 

  • ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก 
    ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำที่สามารถนำเรือยาง มาใช้ล่องแก่งได้อย่างสนุกสนาน เร้าใจตลอดเส้นทาง ที่ได้สำรวจไว้คือตั้งแต่บ้านปากยาง ต.ทรัพย์ไพรวัลย์ อ.วังทอง ลงไปจนถึงแหล่งน้ำตกแก่งซองรวมระยะ ทางประมาณ 8 กม. เวลาในการล่องแก่งนี้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง แล้วแต่ระดับน้ำมากหรือน้อยเป็นเวลาที่ไม่นาน จนเกินไป ตั้งแต่จุดเริ่มต้นล่องแก่งเราจะพบกับแก่ง ต่างๆที่ค่อยๆ มีความรุนแรง ตั้งแต่ระดับ1-2แล้ว ค่อยๆ รุนแรงถึงระดับ 4 - 5 ในช่วงท้ายๆ เส้นทางล่องแก่ง 18 แก่ง เช่น แก่งท่าข้าม ระดับความยากของแก่ง 3-5 แก่งปากยาง แก่งหินลาด แก่งซาง แก่งนางคอย แก่งยาว และแก่งทับขุนไทย 
    ช่วงเวลาที่เหมาะสม เดือนกรกฏาคม - ตุลาคม

  • ล่องแก่งหินเพิง 
    แก่งหินเพิงมีลักษณะเป็น ลานหินหักเทลื่นลงมาจนเกิดเป็นกระแสน้ำวน และ เชี่ยวกราด ต้องใช้ความสามารถและทักษะในการพาย เรือเป็นอย่างมาก จากจุดเริ่มต้นเหนือแก่งหินเพิงลงมา จะผ่านแก่งวังบอน บริเวณนี้จะมีโขดหินสองฝั่งขวาง กั้นกระแสน้ำอยู่ บีบให้กระแสน้ำเข้าหากันเป็นรูปตัววี และถ้าผ่านแก่งวังบอนมาได้ กระแสน้ำหลังแก่งวังบอน จะไหลย้อนทิศทาง ตรงนี้สามารถพักเรือบริเวณนี้ได้ ล่องเรือมาสักนิดจะพบกับแก่งลูกเสือ ซึ่งมีความสนุก สนานเร้าใจไม่แพ้แก่งหินเพิงแต่ระยะทางสั้นกว่าแก่ง หินเพิง และผ่านไปจนถึงแก่งวังไทร และแก่งงูเห่า ซึ่งเป็นแก่งสุดท้ายของการล่องแก่งสายน้ำช่วงนี้ 
    ช่วงเวลาที่เหมาะสม กรกฎาคม ถึง ตุลาคม

  • ล่องแก่งลำน้ำซองกาเลีย
    แต่ละแก่งจะเป็นแก่ง ที่มีโขดหินน้อยใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ หรือโผล่ขี้นมาเหนือน้ำในบางช่วง ของการล่องแก่งและน้ำไม่ลึกมากนัก จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือสามารถ ล่องได้ทั้งแพไม้ไผ่และเรือยาง 
    ช่วงเวลาที่เหมาะสม ตุลาคม ถึง มกราคม

 

  • ล่องแก่งไพรสวรรค์
    แก่งเดียวในพื้นที่ภาคใต้ ในจังหวัดตรัง อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด หน่วยไพรสรรค์ ซึ่งยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แก่งมีความคดเคี้ยวและเป็นร่องน้ำแคบๆ โดยมีความสมบูรณ์ของธรรมชาติค่อนข้างดี โดยล่องแก่งด้วยเรือยาง รับความตื่นเต้น สนุกสนานสุดมันส์จากแก่งหนานหินร่องกวาง ตื่นตา ตื่นใจกับการลดระดับของสายน้ำ เร้าใจกับ แก่งวังตอ บ้านโคกทราย และหลังจากล่องแก่ง สามารถเดินทางชมธรรมชาติในบริเวณใกล้เคียง หลายแห่ง อาทิ น้ำตกโตนเต๊ะ ถ้ำเขาช้างหาย ชมโลกใต้หินผา
    ช่วงเวลาที่เหมาะสม กรกฎาคม ถึง ตุลาคม

เพิ่มความสามัคคีในหมู่คณะ

สนุกสนาน ลุ้นระทึกทุกวินาที

 

HOME
1