เริ่มจากกรุงเทพ ถ้าท่านที่ไม่เคยไปเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ลพบุรี เนื่องจากเป็นเขื่อนใหม่ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ก็อาจจะเลยไปเยี่ยมชมทัศนียภาพที่เขื่อนก่อน ซึ่งเป็นเขื่อนดินที่มีสันเขื่อนที่ยาวมาก ยาวถึง 5 กม. ถ้าเดินกันไปตามสันเขื่อน ก็คงต้องคลานกลับเป็นแน่ ทางเขื่อนก็คงไม่โหดร้ายเช่นนั้น จึงได้จัดให้มีรถลากนำเที่ยวไปกลับสันเขื่อน เพื่อชมความงามของเขื่อน และทัศนียภาพโดยรอบ เป็นระยะทางไปกลับ 10 กม. ค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10บาท ก็ถือว่าเป็นค่าน้ำมันรถ และเป็นค่าดูแลรักษาความสวยงามในเขื่อนครับ หลังจากแวะชมเขื่อน ระหว่างทางไปปากช่อง ถ้าท่านที่เดินทางในช่วงที่ดอกทานตะวันบาน ท่านก็จะได้พบกับทุ่งทานตะวัน ที่แข่งกันรับแสงอาทิตย์อย่างสวยงาม นอกจากนี้ บนเส้นทางระหว่างลพบุรี - สระบุรี ผ่านก็จะได้พบกับอุโมงค์ต้นไม้ ซึ่งเป็นการสรรค์สร้างของธรรมชาติ ผนวกกับการพัฒนาความเจริญทางด้านการคมนาคมของมนุษย์ ที่ได้ตัดถนนผ่านช่องเขา และสองข้างทางก็มีต้นไม้ ที่มียอดโค้งเข้าหากันทั้ง 2 ด้าน จนเกิดเป็นลักษณะคล้ายอุโมงค์ ดูแล้วก็แปลกตาดี

            ท่านทราบหรือไม่ว่าที่ปากช่องก็มีล่องแก่ง มีจริงๆครับ แก่งนี้คือแก่งลำตะคอง โดยที่มีระดับความแรงของน้ำ 2 ถึง 3 แล้วแต่สภาพอากาศ และกระแสน้ำครับ ด้วยความยาว และความคดเคี้ยวของลำน้ำ ก็ยิ่งเพิ่มความเร้าใจสำหรับผู้ชอบผจญภัยกับสายน้ำ แต่ก็ต้องระวังกิ่งไม้ต่างๆในระหว่างล่องด้วย เนื่องจากมีกิ่งไม้และต้นไม้มาก และล่องน้ำก็ไม่กว้างมากนัก ก่อนที่จะล่องก็ควรสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันน็อค, เสื้อชูชีพ รวมทั้งควรสวมเสื้อแขนยาวด้วยก็ยิ่งดี และที่สำคัญที่สุด ควรจะได้รับการอบรมหรือคำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการล่องแก่งที่ถูกต้องด้วย ในการล่องแก่งนี้จะใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 5 ชั่วโมง

           นอกจากล่องแก่งแล้ว ที่ปากช่องก็ยังมีปางช้าง ที่บริการท่านให้นั่งหลังช้าง เพื่อท่องไพรธรรมชาติอีกด้วย และในตอนเย็น ก็ชมฝูงค้างคาวออกหากินนับล้านตัว บริเวณถ้ำเขาลูกช้างด้วย แค่นี้ก็หมดเป็นวันแล้ว แต่ยังไม่หมดแค่นั้นครับ ปากช่องยังมีของดีอีกมาก สำหรับท่านที่แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ปากช่องก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์วิจัยข้าวโพด ข้าวฟ่างแห่งชาติ ที่เดิมเป็นไร่ธนะฟาร์ม ของพณฯท่าน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ชมการสาธิตการปลูกแปลงไร่ข้าวโพด ชิมข้าวโพดหวาน พร้อมฟังวิธีการต้มข้าวโพดให้มีรสชาติอร่อย รวมทั้งสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากได้อีกด้วย

           นอกจากนี้ก็ยังมีไร่องุ่นไร้เม็ดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ชมการสาธิตการปลูก และเก็บผลองุ่น รวมทั้งชิมน้ำองุ่นสดด้วย หรือถ้าท่านที่ชอบกีฬาขี่ม้า ที่ปากช่องก็มีไร่ที่บริการสอนขี่ม้า หรือเช่าม้าเพื่อขี่เล่นอยู่หลายที่ เพื่อให้เข้าบรรยากาศกับแดนคาวบอยแห่งนี้ สำหรับท่านที่นิยมดื่มนมโค ก็คงอยากจะทราบเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการรีดนมวัว ทางฟาร์มโชคชัย ฟาร์มโคนมครบวงจรแห่งหนึ่งของประเทศ ที่ปากช่อง ก็ได้เริ่มดำเนินโครงการนำเที่ยวภายในฟาร์ม ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 20,000 ไร่ ซึ่งสามารถให้เข้าชมได้ประมาณเดือน พฤศจิกายนนี้ โดยท่านจะได้สัมผัสขั้นตอนและวิธีการผลิตนมของทางฟาร์ม ตั้งแต่การผลิตอาหารวัว ไปจนถึง การผลิตนมสำเร็จรูปด้วย หรือถ้าชอบทานสเต็ก ที่นี่ก็ขึ้นชื่อในเรื่องความอร่อย

           ปัจจุบัน แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ได้รับส่งเสริมอย่างมาก ก็คือ แหล่งท่องเที่ยวภายในเขตทหาร ฟังดูแล้ว อาจจะรู้สึกว่า มันไม่เข้ากันเลย ทหารกับการท่องเที่ยว แต่ถ้าท่านได้ไปสัมผัส ท่านจะได้รับรู้ถึงความอบอุ่น และอัธยาศัยไมตรีของทหารหาญในหน่วยงานเหล่านั้น ที่ปากช่องนี่ก็เช่นกัน แต่ที่นี่จะแปลกกว่าที่อื่น เนื่องจากที่นี่เป็นศูนย์ฝึกสุนัขทหาร ท่านจะได้ชมการสาธิตการตรวจค้นอาวุธ, กู้กับระเบิด, ตรวจค้นยาเสพติด และอื่นๆ ชมความน่ารักและความฉลาดของสุนัขทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ท่านจะประทับใจในการแสดงของเหล่าทหารและสุนัขทหารทั้งหลาย

          นอกจากแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ของขวัญของฝากก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการท่องเที่ยว เพราะเป็นการแสดงถึงน้ำใจของคนไทยที่มีต่อกัน ที่ปากช่องก็มีสินค้าที่เป็นของฝากที่เรียกได้ว่า ประทับใจผู้ให้ และถูกใจผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นหินอ่อนที่ได้รับการแกะสลัก ขัดกลึง จนได้รูปแบบที่สวยงาม ทั้งแจกัน, แก้วน้ำ, โต๊ะ และสิ่งของตกแต่งบ้านต่างๆ ด้วยฝีมือที่วิจิตรบรรจง หรือถ้าอยากจะหาของฝากที่เป็นเครื่องประดับ ที่นี่ก็มีโรงงานเจียระไนโอปอล ที่มีชื่อ หรือถ้าชอบสินค้าพื้นบ้าน ที่นี่ก็มีศูนย์รวมสินค้าหัตถกรรมที่รวบรวมสินค้าฝีมือชาวบ้านทั่วประเทศ มาไว้ในที่เดียว เพื่อให้ท่านได้เลือกซื้อได้อย่างจุใจ  สำหรับที่พักที่ ปากช่อง ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่, รีสอร์ทกึ่งโรงแรม หรือโรงแรมเองก็มีจำนวนมากมาย บางแห่งก็มีห้องมินิซาวน่าภายในห้องพักเลย แหม ช่างสะดวกจริงๆ

           ก่อนกลับ ก็อย่าลืมไปดูทิวทัศน์ที่สวยงามของเขื่อนลำตะคอง ที่งดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางหลวงที่ผ่าน มีทั้งสวนพักผ่อนให้เราได้ชมวิวที่เกิดจากธรรมชาติ เสริมแต่งด้วยความคิดของมนุษย์ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า ใต้ภูเขาที่ถนนตัดผ่านนี้ เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ท่านคงแปลกใจ ว่าเป็นไปได้หรือ ปกติก็จะมีโรงไฟฟ้า บนเขื่อน ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่ด้วยความคิดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และผืนป่า จึงได้มีการสร้างโรงไฟฟ้าใต้ภูเขานี้ ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ทางการไฟฟ้าก็กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ ส่วนการเข้าชมการก่อสร้างเพื่อให้เห็นกับตานั้น คงต้องไปเป็นหมู่คณะ และต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทราบก่อน เพื่อจะได้ข้อมูลรายละเอียด และการต้อนรับที่อบอุ่นด้วย