INSIDE EAST TIMOR
การปกครองของโปรตุเกส การปกครองของโปรตุเกส
  • โปรตุเกสแผ่ยายอิทธิถึงอิทธิพลเข้ามาถึงดินแดนติมอร์ในปี พ.ศ.๒๐๕๗ เริ่มต้นจากการเข้ามาจับจองหา ประโยชน์จากทรัพยากร ไม้จันทน์หอม จนกระทั่งทำการยึดครองทั้งเกาะในปี พ.ศ.๒๑๕๘ (๑๒๘ปีต่อมา) และได้เริ่มทำการ จัดตั้งโครงสร้างการบริหารในปี พ.ศ.๒๒๔๕ ภายใต้การครอบครองของโปรตุเกส ชาวติมอร์ต้องเผชิญกับควมคับแค้น และไม่ได้รับการพัฒนา ก่อนปี ๒๕๑๘ มีแพทย์เพียง ๑ คน ต่อประชากร ๒๗,๐๐๐ คน แะลเพียงร้อยละ ๑๐ ของประชากร จำนวน ๖๘๐,๐๐๐ คน (ในปี พ.ศ.๒๕๑๓) ทีสามารถอ่านและเขียนภาษาโปรตุเกสได้ สิ่งก่อสร้างพื้นฐาน มีเพียงถนน ราดยางยาว๓๐ กิโลเมตร ซึ่งไม่สามารถตัดข้ามผืนดินขรุขระของแผ่นดินติมอร์ตะวันออกได้ ทำให้เกษตรกร มีความยากลำบาก อย่างยิ่งในการขนถ่ายสินค้าเกษตรกรรมไปสู่ตลาด
    ศาสนา
  • นักบวชโรมันคาทอลิก คณะโดมินิกัน ชาวโปรตุเกส เข้ามาทำการเผยแพร่ศาสนาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๑๐๙ นับเป็นเวลา ๑๓๙ ปี ก่อนที่โปรตุเกสจัดตั้งโครงสร้างการบริหารในติมอร์ตะวันออก อย่างไรก็ตาม ชาวติมอร์ตะวันออกเปลี่ยน มานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก กันอย่างแพร่หลายในช่วงที่อยู่ภายใต้การยึดครองของอินโดนีเซียและรัฐบาลอินโดนีเซียเรียกร้องให้ชาวติมอร์แต่ละคนประกาศตัวเป็นสมาชิกของ ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ในจำนวน ๔ ศาสนา ที่ได้รับการรับรองอย่าง เป็นทางการจากรัฐบาลอินโดนีเซีย
  • ประเพณีดั้งเดิมของชาวติมอร์ตะวันออกมีอยู่อย่างหนึ่งที่เหมือนกับไทย คือ ประเพณีการชนไก่ เดิมนั้นการ ชนไก่นิยมเอาไปชนกันตั้งแต่ระดับชาวบ้านจนถึงระดับสูงสุด คือ ระดับข้าราชการทุกส่วน แต่การชนไก่สมัยโบราณ ไม่นิยมเล่นการพนันกัน ซึ่งถือเป็นส่วนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ระยะหลัง การนำไก่ไปชนกันจะมีการเดิมพันติดปลายนวม ด้วย ซึ่งกลายเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ส่วนไก่นั้น ก็ไม่เหมือนกับของไทยเสียเลยทีเดียว เพราะไก่ของไทยจะมีพันธุ์ไก่ชน โดย เฉพาะ เลี้ยงเอาไว้ชนเพียงอย่างเดียว ที่ชาวติมอร์เลี้ยงอยู่ใกล้เคียงไปทางไก่แจ้มากกว่า ซึ่งอาจจะหาพันธุ์ที่เป็นไก่ชน โดยเฉพาะจริง ๆ ไม่มีก็ได้
  • ระหว่างที่องค์การสหประชาชาติ เข้าไปจัดระเบียบ เพื่อการจัดตั้งรัฐบาลปกครองประเทศติมอร์ตะวันออก นายกุสเมา ซึ่ง เป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวติมอร์ตะวันออกยอมรับที่จะให้เป็นผู้บริหารประเทศ ได้ปราศรัยในทุกพื้นที่ ได้เรียกร้องให้ชาวติมอร์ตะวันออกทุกคน หยุดเล่นการพนัน โดยเฉพาะการชนไก่ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งต่อไปนี้อาจจะไม่มีการชนไก่ในติมอร์ตะวันออกให้เห็นอีกก็เป็นได้
  • การแต่งกาย ชุดประเพณีของชาวติมอร์ตะวันออก สวมโสร่งและสไบเฉียง ใช้ผ้าที่ทอขึ้นใช้เอง โดยมีลายเส้นสีทองและเงินตามลำดับ พร้อมด้วยการประดับสีทองบนศรีษะ
    ภาษา
  • ชาวติมอร์ตะวันออกมีภาษาที่ใช้แตกต่างกันถึง ๑๗ ภาษา และมีภาษาที่ใช้สื่อสารระหว่างกัน อย่างกว้างขวางบนเกาะ คือ ภาษาเตตุน (Tetun) แม้เมื่อภาษาโปรตุเกสถุกกำหนดให้เป็นภาษาทางการของติมอร์ตะวันออก แต่ก็ไม่มีการต่อต้านการใช้ภาษาเตตุน ซึ่งต่อมากลายเป็น ภาษาที่สองของชาวติมอร์ แต่เมื่ออินโดนีเซียเข้ายึดครอง ติมอร์ตะวันออกในปี พ.ศ.๒๕๑๘ ได้มีการประกาศใช้ภาษาบาฮาซาอินโดนีเซีย (Bahasa Indonesia) เป็นภาษากลางในการ ติดต่อสื่อสาร
  • ในอดีตชาวติมอร์ตะวันออก ใช้ภาษาโปรตุกีส เป็นภาษาทางราชการและใช้ภาษาเตตุนเป็นภาษาพูดโดย ทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ชาวพื้นเมือง จะพูดภาษาเตตุนได้ ภาษาเตตุนไม่มีตัวอักษรเป็นของตัวเอง การเขียนจึงต้องเขียนด้วยอักษร ภาษาอังกฤษ ปัจจุบันมีชาวติมอร์ตะวันออก ที่จบการศึกษามาจากต่างประเทศ ได้พยายามที่จะให้ชาวติมอร์ตะวันออก พูด เขียน ภาษาเตตุนได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จึงได้มีการสอนภาษาเตตุนในโรงเรียนมากขึ้น การผลิตตำราเรียนและอุปกรณ์ การสอน ได้รับการสนับสนุนและจัดพิมพ์ขึ้นในประเทศออสเตรเลีย เช่น หนังสือสอนเด็กชั้นสอง (ประถมศึกษา) ปี ค.ศ.๑๙๙๘ จัดทำโดย Mary Mackillop Institute of East Timor Studies Po Box 299 , St Marys NSW 1790 AUSTRALIA เป็นต้น
  • ภาษาเตตุน (TETUN) ในปัจจุบัน เป็นภาษาที่ดัดแปลงหรือแผลงมาจากภาษาโปรตุกีสผสมกับภาษาบาฮาซาอินโดนีเซีย ใช้รากฐานเดียวกับภาษาโปรตุกีส ยกตัวอย่างเช่น สวัสดีตอนเช้า โปรตุกีสคือ Bon Dia เตตุนคือ Loron Diak หรือ สวัสดีตอนบ่าย โปรตุกีสคือ Bon Tarde เตตุนคือLokraik Diak ซึ่งในประโยคสองประโยคนี้ ประชาชนยังนิยมใช้ภาษาโปรตุกีสอยู่เป็นส่วนใหญ่ การนับเลขบางคำยืมมาจากภาษาบาฮาซาอินโดนีเซียเช่น Lima = 5 Sanulu = 10 Atus= 100 เป็นต้น
  • ตั้งแต่นายซานานา กุสเมา เดินทางปราศัยให้ชาวติมอร์ปรองดองกันในชาติเมื่อเดือน พฤศจิกายน ค.ศ.๑๙๙๙ เป็นต้นไป นายกุสเมาเรียกร้องให้ชาวติมอร์ตะวันออกต่อต้านภาษาบาฮาซาอินโดนีเซียมากขึ้น โดยชาวติมอร์ตะวันออกทุกคน จะไม่ยอมพูดภาษาบาฮาซาอินโดนีเซียเลย จะพูดแต่ภาษาเตตุนและโปรตุกีสเป็นหลักเท่านั้น 1