|
จมูก
|
......วันหนึ่งอโซรากลับจากเดินเล่นท่าทางโกรธจัด
พร้อมทั้งส่งเสียงดังลั่น
ซาดิกจึงถามว่า |
......"เกิดอะไรขึ้นรึ
แม่เมียรัก
ใครล่ะที่ทำให้เจ้าโกรธจนลืมตัวเช่นนี้" |
......โซราตอบว่า
"โธ่เอ๊ย
ท่านก็คงจะเป็นเหมือนข้า
ถ้าได้เห็นภาพที่ข้าเพิ่งประสบมา
ข้าได้ไปปลอบใจแม่หม้ายสาวกอสรู
ซึ่งเพิ่งสร้างหลุมฝังศพให้สามีหนุ่มของหล่อนเสร็จไปเมื่อสองวันก่อนตรงริมฝั่งลำธารที่ไหลลัดเลาะทุ่งหญ้า
หล่อนเศร้าโศกมากจนถึงกับสาบานต่อหน้าเหล่าเทพเจ้าว่าหล่อนจะอยู่เคียงข้างหลุมฝังศพของสามีตราบเท่าที่น้ำในลำธารยังคงไหลผ่านอยู่ใกล้ๆ" |
......ซาดิกเอ่ยขึ้นว่า
"ถ้าอย่างนั้นละก็
นับว่าหล่อนเป็นภรรยาที่น่ายกย่องมากที่รักสามีอย่างจริงใจ" |
......อโซราเล่าต่อว่า
"โอ๊ย
ถ้าท่านรู้ว่าตอนข้าไปเยี่ยมหล่อนนั้น
หล่อนกำลังทำอะไรอยู่ละก็" |
......"หล่อนทำอะไรอยู่ล่ะ
อโซราคนสวย" |
......"หล่อนกำลังผันสายน้ำในลำธารให้ไหลไปทางอื่นนะสิ" |
......ว่าแล้วอโซราก็กล่าวคำผรุสวาทยืดยาว
พร้อมกับตำหนิติเตียนแม่หม้ายสาวอย่างรุนแรง
ซาดิกรู้สึกไม่ค่อยจะชอบใจนักกับการแสดงออกซึ่งคุณธรรมของตัวเองอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ |
......ซาดิกมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ
กาดอร์
เขาเป็นผู้หนึ่งในบรรดา
ชายหนุ่มที่อโซราเห็นว่ามีความซื่อสัตย์และคุณสมบัติเหนือกว่าผู้อื่น
ซาดิกเล่าความลับให้กาดอร์ฟัง
และให้ของขวัญเขามากเท่าที่จะให้ได้
เพื่อจะได้มั่นใจในความจงรักภักดีของเขา
อโซราไปค้างบ้านเพื่อนสาวที่ชนบทสองวัน
พอกลับบ้านในวันที่สาม
เหล่าคนใช้ก็พากันร้องไห้บอกกับหล่อนว่า
ซาดิกสามีของหล่อนได้เสียชีวิตอย่างกระทันหัน
เมื่อตอนกลางคืนนี้เอง
แต่ไม่มีผู้ใดกล้านำข่าวร้ายนี้ไปบอกหล่อน
และพวกตนเพิ่งฝังศพซาดิกลงไปในหลุมศพของตระกูลตรงท้ายสวน
อโซราได้ฟังแล้วก็ร้องไห้ตีอกชกหัว
และสาบานว่าจะตายตามซาดิกไปด้วย
ตกเย็นกาดอร์ขออนุญาตมาอยู่เป็นเพื่อนคุยด้วย
ทั้งสองคนร้องไห้ด้วยกัน
วันรุ่งขึ้นทั้งกาดอร์และอโซราร้องไห้น้อยลงและร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
กาดอร์เผยความลับให้อโซราฟังว่า
ซาดิกเพื่อนของเขาได้ทิ้งสมบัติส่วนใหญ่ไว้ให้เขา
และพูดเป็นนัยให้หล่อนฟังว่า
เขาคงจะมีความสุขมากถ้าได้แบ่งสมบัตินี้กับหล่อน
อโซราร้องไห้แสดงความโกรธออกมาแล้วก็สงบอารมณ์ลงไป
การรับประทานอาหารมื้อเย็นยาวนานกว่ามื้อกลางวัน
กาดอร์กับอโซราคุยกันอย่างสนิทสนมยิ่งขึ้น
อโซรากล่าวสรรเสริญสามีที่ตายไป
แต่ก็ยอมรับว่าเขามีข้อบกพร่องที่กาดอร์ไม่มี |
......ขณะที่รับประทานอาหารเย็นไปได้ครึ่งหนึ่ง
กาดอร์ก็บ่นปวดม้ามขนาดหนัก
อโซรารู้สึกวิตกและห่วงใยมาก
บอกให้คนเอาเครื่องหอมทุกชนิดที่หล่อนใช่พรมตัวอยู่มาให้
เพื่อจะดูว่ามีชนิดใดบ้างที่จะใข้แก้อาการปวดม้ามได้
หล่อนรู้สึกเสียดายมากที่หมอเฮอร์เมสคนเก่งไม่ได้อยู่ที่กรุงบาบิโลนแล้ว
อโซรากล้ากระทั่งจับสีข้างที่กาดอร์รู้สึกเจ็บปวดมาก
พร้อมกับถามอย่างสงสารว่า |
......"ท่านเป็นโรคร้ายนี้บ่อยหรือ" |
......กาดอร์ตอบว่า
"บางทีมันทำข้าเกือบตายเลย
และมีวิธีรักษาที่จะช่วยให้ดีขึ้นอยู่เพียงวิธีเดียวเท่านั้น
คือต้องเอาจมูกของผู้ชายที่เพิ่งตามเมื่อวันก่อนมาวางไว้บนสีข้างที่เจ็บ" |
......อโซราพูดว่า
"ช่างเป็นวิธีรักษาที่แปลกจริงๆ" |
......กาดอร์
ตอบว่า "ก็ไม่แปลกไปกว่าถุงยาของหมออาร์นู
ที่ใช้รักษาโรคลมชักสักเท่าไหร่" |
......เหตุผลดังกล่าวกอรปกับคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของกอดอร์ทำให้อโซราตกลงใจในที่สุด
หล่อนกล่าวว่า "ถึงอย่างไร
เมื่อสามีข้าข้ามสะพานชินาวาร์เพื่อจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า
เทพอัสราเอลก็คงจะเปิดทางให้เขาแคบลงหน่อยใช่ไหมล่ะ
เพราะจมูกของเขาในชาติหน้าจะสั้นกว่าชาตินี้" |
......กล่าวจบ
อโซราก็ไปหยิบมีดโกนเดินตรงไปยังหลุมศพของสามี
หลั่งน้ำตารดแล้วก็เข้าไปใกล้เพื่อตัดจมูกของซาดิกที่นอนเหยียดยาวอยู่ในหลุมศพ
ซาดิกลุกขึ้นพร้อมกับกุมจมูกไว้มือหนึ่ง
อีกมือหนึ่งจับมีดโกนไว้
กล่าวกับหล่อนว่า "นี่
แม่คุณ ต่อไปนี้
อย่าได้มาด่าทอแม่หม้ายสาวกอสรูให้มากนักเลย
แผนการตัดจมูกข้ามีค่าเท่ากับแผนการผันทางเดินของน้ำในลำธารนั่นแหละ" |