รู้กับทำ ต้องเป็นเอกภาพกัน

......ม่อจื้อกล่าวว่า "สมมติว่า เวลานี้มีคนตาบอดคนหนึ่งอยู่ที่นี่ และพูดว่าปูนเป็นสีขาวถ่านหินเป็นสีดำ คนตาดีๆ ก็คงไม่กล้าว่าเขาพูดไม่ถูก"
......"แต่ว่า ถ้าเอาของสีขาวกับของสีดำมาปนรวมๆ กัน แล้วเรียกคนตาบอดคนนั้นมาแยกแยะว่าอะไรเป็นสีขาว อะไรเป็นสีดำ คิดว่าเขาคงจะแยกไม่ออกแน่นอน เพราะฉะนั้น คนตาบอดจึงเป็นคนที่ไม่รู้อะไรขาว อะไรดำ ในที่นี้ไม่ได้ หมายความว่า คนตาบอดไม่รู้จักสรรพนามของสีต่างๆ แต่หมายความว่าพวกเขาไม่มีปัญญาแยกแยะสีต่างๆ ได้จริงๆ
......"บัณฑิตในยุคปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน พูดเก่ง พูดดี โดยเฉพาะในเรื่องของคุณธรรม แม้แต่พระเจ้าหวี่มหาราช พระเจ้าซังทังมหาราช ก็ยังสู้ไม่ได้ แต่ถ้าเอาเรื่องที่ดูคล้ายกับ ถูกต้องชอบธรรมกับเรื่องที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมมาปนเปกัน แล้วให้บัณฑิตในยุคนี้ตัดสินแยกแยะ พวกเขาจะจนปัญญา แยกแยะไม่ถูกทันที"
......"เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงกล้าพูดว่า บัณฑิตในยุคนี้ไม่รู้ดอกว่าอะไรคือคุณธรรม ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพวกเขาพูดเรื่องคุณธรรมไม่เป็น แต่หมายความว่าในความเป็นจริงนั้น พวกเขาไม่ได้ทำต่างหาก"
1