ข้อที่ 60

......อตัมมยตา หย่าขาดจากวัฏฏะ จากกิเลส จากอภิสังขาร
......วัฏฏะ คือว่ายเวียน, ว่ายเวียนอยู่ในวงกลมแห่งกองทุกข์ ซึ่งมีกิเลสเป็นตัวเหตุเป็นตัวแกนกลาง อภิสังขาร คือปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขาร : อปุญญ คือ บาป อบาย--ปาป, ปุญญา ก็สวรรค์, อเนญชา ก็ไม่ใช่สวรรค์ สงบเงียบเฉยแต่ยังมีตัวตน ได้แก่พวกพรหมโลก ถ้าจมอยู่ในอบายก็เป็นอปุญญาภิสังขาร, มีอภิสังขารตกแต่งให้ตกอบาย ก็หย่าขาด, สวรรค์ก็มีปุญญาภิสังขาร เอาสวรรค์, หย่าขาดจากปุญญาภิสังขาร แล้วจะไปเป็นพรหม ไม่ใช่สวรรค์ ไม่มีกามารมณ์ เป็นอเนญชาไม่หวั่นไหวต่อกามารมณ์ นี่หย่าขาดจากอเนญชาภิสังขาร หย่าขาดจากปุญญาภิสังขาร, อปุญญาภิสังขาร, อเนญชาภิสังขารได้ด้วยสามารถแห่งอตัมมยตา, อภิสังขารมีอำนาจเหลือประมาณ แต่ไม่มีใครรู้จักกี่คน สำหรับอปุญก็ปรุงให้ไปเป็นบาป, แล้วก็บุญก็ไปเป็นสวรรค์ อเนญชาก็ไปสงบอยู่อย่างไม่นรกไม่สวรรค์ แต่ยังมีตัวตนยังไม่หลุดพ้น
......อภิสังขารทั้ง 3 นี้ ไม่ใช่เรื่องหลุดพ้น, ยังถูกปรุงแต่งให้ติดอยู่ในบาป ให้อยู่ในบุญ ให้อยู่ในอเนญชา. คำว่าอเนญชานี้ไม่ค่อยได้เอามาพูดกัน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดเป็นอัพพยากฤต เป็นอะไรไปเสียอีก, ไม่ใช่ดอก, เป็นสังขารเป็นอภิสังขาร ปรุงแต่งให้ไปอยู่ในสภาพของจิตที่เป็นตัวตนๆ แต่ไม่หลงบาปไม่หลงสวรรค์ เป็นตัวตนอย่างที่เรียกว่า พวกพรหม.
1