![]() |
พุทธศาสนายังมีเหลี่ยมความรู้ซึ่งจัดได้ว่าเป็นปรัชญา(Philosophy)
คือสิ่งที่ทดลองไม่ได้
ยังต้องอาศัยการคำนึงคำนวณไปตามหลักแห่งการใช้เหตุผลแห่งการคำนึงคำนวณระบอบหนึ่ง
แต่ถ้าเห็นแจ้งประจักษ์ได้ด้วยตา
หรือด้วยการพิสูจน์
ทดลองตามทางวัตถุ
หรือแม้เห็นชัดด้วย "ตาใน
คือญาณจักษุก็ตาม
เรียกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ (Science)
ได้ ความรู้อันลึกซึ้ง
เช่นเรี่องสุญญตาย่อมเป็นปรัชญาสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุธรรมไปพลางก่อน
แต่จะกลายเป็นวิทยาศาสตร์ทันทีส่าหรับผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว
เช่น พระอรหันต์
เพราะท่านได้เห็นแจ้งประจักษ์แล้วด้วยจิตใจของท่านเอง
ไม่ต้องคำนึงคำนวณตามเหตุผล |
![]() |
หลักพระพุทธศาสนาบางประเภท
ก็เป็นวิทยาศาสตร์
โดยส่วนเดียว
เพราะพิสูจน์ได้ชัดแจ้งด้วยความรู้สึกภายในใจของผู้มีสติปัญญา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอริยสัจจ์เป็นต้น
ถ้าผู้ใดมีสติปัญญาสนใจศึกษาค้นคว้าแล้วจะมีเหตุผลแสดงอยู่ในลักษณะทิ่เป็นวิทยาศาสตร์
ไม่มิดมัวเป็นปรัชญาเหมือนอย่างบางเรื่อง สำหรับบุคคลผู้บูชาวัฒนธรรม ก็จะพบว่ามีคำสั่งสอนใน พระพุทธศาสนาหลายข้อที่ตรงกับหลักวัฒนธรรมสากล และมีคำสอนอีกมาก ที่เป็นวัฒนธรรมของชาวพุทธโดยเฉพาะ ซึ่งดีกว่าสูงกว่าวัฒนธรรมสากาลอย่างมากมาย |
![]() |
แม้พุทธศาสนาส่วนที่เป็นตรรกวิทยา
(Logic) ซึ่งเป็นศาสตร์
ที่โยกโคลงที่สุด
ก็มีมากด้วยเหมือนกัน
โดยเฉพาะในพวกพระอภิธรรมปิฏกบางคัมภีร์
เช่นคัมภีร์กถาวัตถุ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามอยากจะขอยืนยันว่า พุทธศาสนาเหลี่ยมซึ่งชาวพุทธจะต้องสนใจที่สุด นั้นคือ เหลี่ยมที่เป็นศาสนา ซึ่งหมายถึง วิธีปฏิบัติโดยรวบรัด เพื่อให้รู้ความจริงว่าสิ่งทั้งปวงเป็นอะไร จนถอนความยึดถือหลงไหลต่าง ๆ ออกมาเสียจากสิ่งทั้งปวงได้ การกระทำเช่นนี้เรียกว่า เราเข้าถึงตัวพระพุทธศาสนา ในฐานะเป็นพุทธศาสนา มีผลดียิ่งไปกว่าที่จะถือเป็นเพียงศีลธรรมขั้นพื้นฐาน และสัจจธรรมอันเป็นความรู้ที่ลึก ซึ้งอย่างเดียวโดยไม่ปฏิบัติอะไร และเป็นผลดีกว่าที่จะถือเป็นปรัชญา ที่มีไว้คิดไว้นึกไว้เถียงกันอย่างสนุกๆ แล้วไม่ละกิเลสอะไรได้ หรือดีกว่าที่จะถือเป็นเพียงวัฒนธรรมสำหรับการประพฤติที่ดีงามน่าเหลื่ออมใสในด้านสังคมแต่อย่างเดียว อย่างน้อยที่สุด เราทั้งหลายควรถือ พุทธศาสนาในฐานะเป็นศิลปะ (Art) ซึ่งในที่นี้หมายถึงศิลปะแห่งการครองชีวต คือ เป็นการกระทำที่แยบคายสุขุม ในการที่จะมีชีวิตอยู่เป็นมนุษย์ให้น่าดูน่าชมน่าเลื่อมใสน่าบูชาเป็นที่จับอกจับใจแก่คนทั้งหลาย จนคนอื่นพอใจทำตามเราด้วยความสมัครใจไม่ต้องแค่นเข็นกันเราจะมี ความงดงามในเบื้องต้น ด้วยศีลบริสุทธิ์ มีความงดงามในท่ามกลาง ด้วยการมีจิตใจสงบเย็น เหมาะสมที่จะทำงานในด้านจิตใจมีความงดงามในเบื้องปลาย ด้วยความสมบูรณ์แห่งปัญญา คือรู้แจ้งสิ่งทั้งปวงว่าอะไรเป็นอะไร จนไม่มีความทุกข์เกิดขึ้นเพราะสิ่งทั้งปวงนั้น เมื่อใครมีชีวิตอยู่ด้วยความงาม3ประการ เช่น นี้แล้ว ถือว่าเป็นผู้มีศิลปะแห่งการดำรงชีวิตอย่างสูงสุด. ชาวตะวันตกหันมาสนใจพุทธศาสนา ในฐานะเป็นศิลปะแห่งชีวิตโดยนัยนี้เป็นอันมาก และกล่าวขวัญกันมากกว่าแง่อื่นๆ |
![]() |
การที่เราเข้าถึงตัวแท้ของพระพุทธศาสนา
จนถึงกับนำมาใช้เป็นแบบแห่งการครองชีวิตได้นั้น
มันทำให้เกิด ความบันเทิงรื่นเริงตามทางของธรรมะ
ไม่เหงาหงอยไม่เบื่อหน่าย
หรือหวาดกลัว
ดังที่เกรงกันอยู่ว่า
ถ้าละกิเลสกันเสียแล้ว
ชีวิตนี้จะแห้งแล้งไม่มี
รสชาติอะไรเลย
หรือถ้าปราศจากตัณหาต่าง ๆ
โดยสิ้นเชิงแล้วคนเราจะทำอะไรไม่ได้
หรือไม่คิดทำอะไรอย่างนี้เป็นต้น
แต่โดยที่แท้แล้ว ผู้ดำรงชีวิตอย่างถูกต้องตามศิลปะแห่งการครองชีวตของพระพุทธเจ้านั้น
คือผู้มีชัยชนะอยู่เหนือสิ่งทั้งปวงที่เข้ามาแวดล้อมตน
ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บุคคลสิ่งของหรืออะไรก็ตาม
จะเข้า มาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
และทางใจก็ตาม ย่อมจะเข้ามา
ในฐานะผู้แพ้
ไม่อาจจะทำให้เกิดความมืดมัว
สกปรก เร่าร้อน
ให้เกิดแก่ผู้นั้นได้.
อากัปกิริยาที่เป็นฝ่ายชนะอารมณ์ทั้งปวงนี้
ย่อมเป็นที่บันเทิงเริงรื่นอย่างแท้จริง
และนี่คือข้อที่ควรถือเป็นศิลปะในพุทธศาสนา |
![]() |
ธรรมะในพระพุทธศาสนา
จะให้ความเพลิดเพลินแก่จิตใจที่ต้องการธรรมะ
นับได้ว่าเป็นอาหารจำเป็นอย่างหนึ่งเหมือนกัน
คนที่ตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลสยังต้องการอาหารทางตา
หู จมูก ลิ้น กาย
แสวงหากันไปตามวิสัยปุถุชนนั้นก็ถูกแล้ว
แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งอยู่ลึกและไม่ต้องการอาหารอย่างนั้น
สิ่งนี้คือวิญญาณซึ่งเป็นอิสระหรือบริสุทธิ์
ต้องการความบันเทิงเริงรื่น
คืออาหารทางธรรมะ
นับตั้งแต่ความยินดีปรีดาที่รู้สกว่าตนได้ทำอะไรอย่างถูกต้อง
เป็นที่พอใจของผู้รู้ทั้งหลาย
มีความสงบระงับในใจชนิดที่กิเลสมารบกวนไม่ได้
มีความเห็นแจ่มแจ้งรู้เท่าทันสิ่งทั้งปวงว่าอะไรเป็นอะไร
ไม่ทะเยอทะยานในสิ่งใด
มีอาการเหมือน กับนั่งลงได้
ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเหมือนคนทั้งหลาย
ชนิดที่ท่านให้ คำเปรียบไว้ว่า
"กลางคืนอัดควัน
กลางวันเป็นไฟ" "กลางคืนอัดควัน" นั่น หมายถึงการนอนไม่หลับกระสับกระส่ายมือก่ายหน้าผาก คิดจะแสวงหาอย่างนั้นอย่างนี้คิดจะกระทำเพื่อให้ได้เงินได้ลาภหรือสิ่งต่าง ๆ ที่ตนปรารถนา อันเป็นควันกลุ้มอยู่ในใจ เพราะมันยังมืดค่ำลุกไปไหนไม่สะดวก ต้องทนนอนอัดควันอยู่ ครั้นถึงเวลารุ่งขึ้น ก็ออกวิ่งว่อนไปตามความต้องการของควัน ที่อัดไว้เมื่อคืน นี่เรียกว่า "กลางวันเป็นไฟ เป็นอาการของจิตใจที่ไม่ได้รับความสงบ ไม่ได้รับอาหารทางธรรมเป็นความหิวกระหาย ไปตามอำนาจของกิเลสและตัณหา "กลางคืนอัดควัน ร้อนกลุ้มอยู่แล้วตลอดคืน"กลางวันยังเป็นไฟ" คือทั้งร้อนทั้งไหม้อะไรไปในตัวเสร็จตลอดทั้งวันแล้วจะหาความสงบเยือกเย็นอย่างไรได้ ถ้าคนเราต้อง กลางคืนอัดควันกลางวันเป็นไฟ ไปจนตลอดชีวิตถึงตายแล้ว จะเป็นอย่างไรบ้าง ขอให้ลองคิดดู เขาเกิดมาทนทุกข์ทรมานจนตลอดชีวิต คือนับตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเน่าเข้าโลงไปทีเดียว โดยไม่มีสติปัญญาที่จะระงับดับไฟ ดับควันนั้นเสียเลย บุคคลชนิดนี้จะต้องอาศัยสติปัญญาของบุคคลประเภทพระพุทธเจ้าสำหรับช่วยแก้ไขให้เบาบางลงตามส่วน เมื่อเขาได้เข้าใจสิ่งทั้งหลายทั้งปวงถูกต้องตามความเป็นจริงมากขึ้นเท่าไรควันหรือไฟก็จะลดน้อยลงเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นการชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เรียกว่าพุทธศาสนานั้นมีลักษณะหลายเหลี่ยมหลายมุม เหมือนกับภูเขาลูกเดียวมองจากทิศต่าง ๆ กัน ก็เห็นรูปต่าง ๆ กัน ได้ประโยชน์ต่าง ๆ กัน แล้วแต่ใครจะมองอย่างไร แม้พระพุทธศาสนา จะมีมูลมาจากดวามกลัว ก็ไม่ใส่ความกลัวที่โง่เขลา ของคนป่าเถื่อน จนถึงกับนั่งไหว้ รูปเคารพหรือไหว้สิ่งที่มีปรากฏการณ์แปลกๆ แต่เป็นความกลัวชนิดที่สูงด้วยสติปัญญา คือกลัวว่าจะไม่ได้รอดพ้นไปจากการบีบคั้นของความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือความทุกข์ทั้งหลายที่เรามองเห็นๆ กันอยู่ |
![]() | พุทธศาสนาตัวแท้ ไม่ใส่หนังสือ ไม่ใส่คัมภีร์ ไม่ใช่เสียงบอกเล่าตามพระไตรปิฎก หรือตัวพิธีรีตองต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่ตัวแท้ของ พระพุทธศาสนา ตัวแท้ต้องเป็น ตัวการปฏิบัติด้วยกายวาจาใจ ชนิดที่จะทำลายกิเลสให้ร่อยหรอหรือหมดล้นไปในที่สุด ไม่จำเป็นต้องเนื่องด้วยหนังสือ ด้วยตำรา ไม่ต้องอาศัยพิธีรีตองหรือสิ่งภายนอก เช่น ผีสางเทวดา แต่ต้องเนื่องด้วยกายวาจาใจโดยตรง คือจะต้องบากบั่นกำจัดกิเลสให้หมดกันไป จนเกิดความรู้แจ่มแจ้ง สามารถทำอะไรให้ถูกต้องได้ด้วยตนเอง ไม่มีความทุกข์เกิดขึ้นตังแต่ต้นจนอวสานนี่แหละคือตัวแท้ของพระพุทธศาสนา ในส่วนที่เราจะต้องเข้าถึงให้จงได้ อย่าได้ไปหลงยึดเอาเนื้องอกที่หุ้มห่อพระพุทธศาสนา มาถือว่าเป็นตัวพระพุทธศาสนากันเลย |