หลวงพ่อโต
|
|
|
สถานที่ประดิษฐาน วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม (วัดบางพลีใหญ่ใน) อำเภอบางพลี สมุทรปราการ |
|
พุทธลักษณะ ศิลปะสุโขทัย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาด หน้าตักกว้าง ๓ ศอกคืบ วัสดุ สำริดลงปิดทอง |
|
ตามเรื่องราวที่เล่าขานกันต่อๆมา หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปที่ลอยตามน้ำมาปรากฏอยู่ในคลองสำโรง แต่ชาวบ้านจะช่วยกันอาราธนาขึ้นที่ปากคลองอย่างไรก็ไม่สำเร็จ จึงต่อแพชะลอไว้ ใช้เรือพายลากจูงแพเรื่อยมา ตามคลอง โดยอธิษฐานขอให้แพหยุดลงในที่ที่พระพุทธรูปประสงค์จะขึ้นประดิษฐาน ก็ปรากฏว่าแพมาหยุดนิ่งอยู่หน้าวัดบางพลีใหญ่ใน ชาวบ้านจึงช่วยกันอาราธนาขึ้นฝั่ง แต่พระวิหารของวัดขณะนั้นเล็กเกินไป จึงรื้อลงแล้วสร้างพระอุโบสถขึ้นแทน เมื่อสร้างพระอุโบสถเสร็จแล้ว ก่อนเชิญพระพุทธรูปเข้าประดิษฐานมีการวัดช่องประตูแล้วว่าใหญ่กว่า องค์พระราว ๕ นิ้ว แต่เมื่ออาราธนาพระพุทธรูปเข้ามาจริงองค์พระกลับใหญ่กว่าประตู ชาวบ้านส่วนหนึ่งจึงตั้งอธิษฐานขอให้องค์พระผ่านเข้าประตูได้เพื่อประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญของชาวบางพลีสืบไป เมื่ออาราธนาอีกครั้งก็ปรากฏว่าผ่านเข้าประตูไปได้เรียบร้อย อภินิหารของพระพุทธรูปซึ่งได้รับการขนานนามว่า "หลวงพ่อโต" เป็นที่โจษขานทั่วไป ชาวบ้านต่างพากันมากราบไหว้บูชาด้วยความศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตมีทั้งคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายจากไฟและจากน้ำ อีกทั้งน้ำมนต์ของหลวงพ่อก็รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดเหตุอันน่าอัศจรรย์ขึ้นแก่หลวงพ่อ กล่าวคือ องค์พระซึ่งเป็นทองสำริดกลับอ่อนนิ่มดั่งเนื้อคนซึ่งเป็นข่าวครึกโครมทำให้ผู้คนหลั่งไหลไปชมบารมีหลวงพ่อเนืองแน่น เหตุกาลนี้เกิดขึ้นสองครั่งคือในปี ๒๕๒๐ และ ๒๕๒๒ ยิ่งทำให้ความศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโต เป็นที่เลื่องลือไปยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทางวัดจัดให้มีงานประจำปีปีละ ๔ ั่ครั้ง ๑. งานปิดทองพระพุทธบาทจำลองและนมัสการหลวงพ่อโต ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึง แรม ๒ ค่ำเดือน ๓ ๒.งานนมัสการและปิดทองหลวงพ่อโต วันขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึง แรม ๒ ค่ำ เดือน ๔ ๓.ประเพณีโยนบัวและนมัสการหลวงพ่อโต วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือมา ตามคลองสำโรง ประชาชนสองฝั่งคลองจะโยนดอกบัวลงไปในเรือ เป็นเครื่องสักการะหลวงพ่อ ๔.งานฉลองหลวงพ่อโตแสดงปาฏิหาริย์เนื้อนิ่ม ในวันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ |