|
|
|
สถานที่ประดิษฐาน พระอุโบสถ วัดราชนัดดา วรวิหาร กรุงเทพมหานคร |
|
พุทธลักษณะ ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ ขนาด หน้าตัก ๗ ศอก วัสดุทองแดงปิดทอง |
|
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระที่นั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการหล่อ พระพุทธรูปทองแดง ขึ้น ๒ องค์ ด้วยแร่ทองแดงที่ขุดได้ จากอำเภอจันทึก จังหวัดนครราชสืมา พระทองแดงที่หล่อได้ โปรดฯไห้ไปที่วัดเฉลิม พระเกียติองค์หนึ่งและที่วัดราชนัดดาองค์หนึ่งองค์ที่เชิญไปไว้วัดราชนัดดา มีการป่าวร้องขอแรงชาวราษฎรมาช่วยกันชักลากพระจากวัดหลวงไปยังวัด ซึ่งมีผู้มาร่วมด้วยจิตรกุศลเป็นจำนวนมากแต่กลับ เกิดอุบัติเหตุที่เป็นเรื่องสะเทือนใจเมื่อตะเฆ่ที่ชักลากองค์พระทับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คือ เจ้าพระยายมราช(บุนนาค)ถึงแก่ชีวิต ดังรายละเอียดจากพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ความว่า ...ให้ป่าวร้องราษฎรมาชักพระ ราษฎรก็นิยมยินดีพากันมาเป็นอันมาก จึงผูกสายชัก ๔ เส้น ครั้งนั้นเจ้าพระยายม(บุนนาค) เคยเป็นตำรวจมาแต่ก่อนก็เข้าช่วยเป็นผู้บัญชาการชักลากนั้นด้วย ขึ้นอยู่บนตะเฆ่ที่องค์พระกับนายงามตำรวจและทนาย ๒ คนชักพระไปทางถนนเสาชิงช้า ถึงที่จะเลี้ยวออกถนนกำแพงใหญ่ ที่นั้นต้องหยุดคัดตะเฆ่เลี้ยวออกให้พ้นที่คู เจ้าพระยายมราชลงมาจากตะเฆ่ดูให้นายงานทำการอยู่ พอพระออกถึงถนนใหญ่ได้แล้ว เจ้าพระยายมราชยังดูผูกเชือกอยู่มิทันจะแล้ว ราษฎรเห็นพระออกมาตรงถนนแล้ว ได้ยินเสียงม้าล่อก็สำคัญว่าให้ลาก ก็ลากขึ้นพร้อมกัน ตะเฆ่นั้นมาโดยเร็ว เจ้าพระยายมราชยังมิทันกระโดดขึ้นตะเฆ่ ด้วยชราถึง ๗๐ ปีเศษแล้วไม่ว่องไวได้ยินเสียงเขาโห่ เกรียวขึ้นก็วิ่งหลบออกมาข้างถนน พอตะเฆ่มาถึงตัวสะดุดล้มลงตะเฆ่ก็ทับขาขาดเพรียงตะโพก ทนายสองคนเข้าช่วย ตะเฆ่ก็ทับเอาทนายสองคนนั้นด้วย ตายในที่นั้นด้วย เจ้าพระยายมราช ๑ กับทนาย ๑ ทนายอีกคน ๑ นั้นไปถึงบ้านอยู่ได้เดือนเศษจึ่งตาย... พระพุทธรูปที่เชิญไปประดิษฐานที่วัดราชนัดดานี้ ต่อมาได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าพระเสฏฐตมนุนี และสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ ลงรักปิดทองในรัชการของพระองค์ |
