การนำเสนอแนวความคิดเพื่อบ่อนทำลาย โดยอาศัยเครื่องมือของรัฐ |
|
การนำเสนอแนวความคิดเพื่อบ่อนทำลาย
สถาบันพระพุทธศาสนา
และพระมหากษัตริย์
โดยอาศัยเครื่องมือของรัฐ ข้อความเท็จ ๑. "ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารดำเนินการตามรายงานหน่วยราชการลับ"
นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง คณะกรรมมาธิการ การศาสนาศิลปะ วัฒนธรรม ไม่มีอำนาจหน้าที่ทางกฎหมายใดๆ อันกฎหมายให้อำนาจดังกล่าวเป็นการแอบอ้างอำนาจอันไม่มีในตน เพราะโดยข้อแท้จริงตามกฎหมายแล้ว "คณะกรรมมาธิการฯ มีหน้าที่เพียงหาข้อมูลและนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฏร เมื่อสภาผู้แทนราษฏรมีมติอย่างไร จึงกระทำอย่างนั้น มิใช่อาศัยมติของคณะกรรมาธิการตามอ้าง" นี่คือการบิดเบือนข้อแท้จริง โดยนักการเมืองอันไม่มีอำนาจใดๆ ทั้งยังเป็นความผิดตามกฎหมายอาญาโฆษณาหลอกลวงข้อความอันเป็นเท็จ อีกด้วย ข้อความเท็จ ๒. "เพราะบิดเบือนคำสอนนิพพานเป็นอัตตาพระพุทธศาสนาจึงหายไปจากอินเดีย"
นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง
๑. ประมาณ พ.ศ.๑๓๓๒ ไวรัสศาสนา เป็นพราหมณ์ชื่อ สังกราจารย์ ได้ปลอมเข้าไปบวชในพระพุทธศาสนา และได้ทำให้คลาดเคลื่อนจากพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระไตรปิฎกทั้งหมดให้เป็นสัทธรรมปฏิรูป (เหมือนพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) ทำฉบับ CD-ROM) แล้วสึกออกมานำไปใส่ไว้ในท้ายของคัมภีร์เวทานตะ และอุปนิษัท ประกาศเป็นศาสนาใหม่โดยระบุว่า "พระพุทธเจ้าเป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์ ที่ส่งมาสอนให้มนุษย์ตกนรกให้มากที่สุด เพราะสวรรค์ล้นแออัด คนทำดีขึ้นสวรรค์มากเกินไป" พุทธศาสนาในอินเดียจึงถูกกลืนไป ๒. ในพุทธศัตวรรษที่ ๑๗ กองทัพ อิสลามเติร์ก ได้ยกเข้ายึดครองชมพูทวีป (ซึ่งหมายรวมอินเดีย, ปากีสถานทั้งสอง, เนปาล) เผาทำลายวิทยาลัยสงฆ์พุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ "นาลันทา" ฆ่าพระภิกษุทั้งชมพูทวีปที่พบเห็น จึงทำให้พุทธบริษัหนีภัยสงครามออกจากประเทศอินเดีย ทำให้พุทธศาสนาในอินเดียสูญไปนับแต่นั้นจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวมานี้จึงพิสูจน์ได้ว่า การที่พระพุทธศาสนาสูญจากอินเดีย มิได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง อัตตา หรือ อนัตตา ตามที่กรรมาธิการศาสนาฯ กล่าวเท็จแต่อย่างใด (ตรวจสอบข้อมูลได้ในทุกห้องสมุดทั่วโลก) ข้อความเท็จ ๓. "นิพพานเป็นอัตตา เท่ากับดึงพระพุทธศาสนามาที่ต่ำ" "เรื่องอัตตากับอนัตตาแม้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่ชาวพุทธต้องพยายามทำความเข้าใจครับ ถ้าพูดให้เป็นภาษาพราหมณ์แล้วละก็ อัตตาคือตัว ปรมาตมันเดิม หรือตัวที่ต่ำกว่าอนัตตาของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเคยศึกษาพราหมณ์มาจากอาฬารดาบส และอุทกดาบส จนได้สมาบัติ ๘ หรือฌาน ๘ นะครับ แล้วก็รู้ว่าตรงนั้นยังไม่สูงสุด คือเมื่อออกจากฌานแล้วก็ยังเป็นอัตตาคือ ยังมีความยึดมั่นและยังมีกิเลสอยู่ พระองค์ท่าน จึงแน่วแน่ศึกษาต่อไปว่าจะทำอย่างไร ถึงจะหลุดพ้นจากกิเลส ถึงจะสูงกว่าอัตตาเดิม หรือปรมาตมันเดิมนะครับ จึงค้นพบความเป็น อนัตตา คือการหลุดพ้น ไม่ต้องยึดมั่นในตัวตน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่พระองค์ค้นพบใหญ่สูงกว่าศาสนาเดิมที่พระองค์เคยศึกษามาครับ" นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง
ข้อความเท็จ ๔ "อย่าบิดเบือนกล่าวหาอย่างเถยจิต" "สวัสดีครับท่านผู้ชม จากที่มีการบิดเบือนกล่าวหาโจมตีเรื่องพระราชบัญญัติคุ้มครองพระพุทธศาสนาว่า เป็นกฎหมายที่จะเอาฆราวาสไปปกครองสงฆ์นั้นไม่จริงนะครับ อันที่จริงแล้วกฎหมายนี่ต้องการบังคับฆราวาส ๙๙.๕% ทั้งชาวพุทธที่เป็นผู้ชาย และผู้หญิงที่เรียกว่า อุบาสก อุบาสิกา ในพุทธบริษัท ๔ แล้วก็พระสงฆ์ พระภิกษุ สามเณร ภิกษุณี จะมี ๐.๕% ของจำนวนชาวพุทธทั้งประเทศ เพราะฉะนั้น กฎหมายนี้มีเจตนารมณ์ เพื่อจะบังคับฝ่ายฆราวาสให้ช่วยกันดูแลพระพุทธศาสนา ให้ทำหน้าที่ของชาวพุทธได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แล้วกฎหมายนี้เป็นเพียงยกร่างที่สามารถแปรญัตติได้ เหมือนพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติที่สามารถแปรญัตติเปลี่ยนแปลง ได้ทุกมาตราทั้งฉบับครับ ไม่สมควรที่จะถูกโจมตี บิดเบือน กล่าวหาอย่างมีจิตอกุศล หรือ เถยจิต" นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง
ข้อความเท็จ ๕ "การแอบอ้างชมรม ๓ เหล่าทัพ หน่วยราชการลับต้องติดตาม" "เนื่องจากมีหนังสือมาบิดเบือนแล้วก็แอบอ้างว่าเป็น "ชมรมชาวพุทธ ๓ เหล่าทัพ" บอกว่าเปิดโปงขบวนการล้มพุทธ โดยลงชื่อด้วยคือ นายจักรพันธ์ ยุรเวช เขียนโดย ดร.เบญจ์ บาระกุล เป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อส่วนรวม ต่อพระพุทธศาสนา ต่อความมั่นคงของชาติบ้านเมืองมาก เพราะฉะนั้นการที่แอบอ้าง ๓ เหล่าทัพ อยากให้ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศ.ร.ภ.) หน่วยราชการลับ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ บก.สูงสุด สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล ตำรวจแห่งชาติ ได้ติดตามพฤติกรรมของคนเหล่านี้ว่า เขามีเจตนาเพื่ออะไร เพื่อจะทำลายพระพุทธศาสนา หรือให้กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ แล้วรายงานให้ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติทราบ ผู้รับผิดชอบจะได้ดำเนินการต่อไป" นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง ตามแถลงการณ์อันปรากฏในส่วนแรกของหนังสือเล่มนี้ เป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดว่า นายอำนวย สุวรรณคีรี กล่าวข้อความอันเป็นเท็จ เพราะ "ชมรมชาวพุทธสามเหล่าทัพ" มีตัวตนจริง และล้วนเป็นข้าราชทหารอันได้รับการปลูกฝังให้มีความรักชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์จึงเป็นที่หวาดกลัวแก่นักการเมืองที่มีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการล้มพุทธ นี่คือสิ่งพิสูจน์ที่เห็นได้เป็นอย่างดีว่า องค์กรต่างศาสนาได้ใช้อิทธิพลทั้งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐตามที่ระบุไว้ในคำสั่ง VATICAN COUNCIL 2 อย่างไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ จึงมีคำถามว่า นักการเมืองเหล่านี้หรือคือบุคคลประเภทที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญขึ้น ข้อความเท็จ ๖ "ราชการต้องจัดการสิ่งพิมพ์เถื่อนที่กระทบกระเทือนความมั่นคง" "คณะกรรมมาธิการได้รับรายงานจากหน่วยสืบราชการลับว่า มีสิ่งพิมพ์เถื่อนออกมามากมายระบาดไปทั่ว ส่งไปตามวัดวาอาราม ส่วนราชการ หรือบุคคลทั่วไปที่ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นสิ่งพิมพ์เถื่อนเหล่านี้อยากจะขอให้ทางราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยตำรวจแห่งชาติ หน่วยสันติบาล ติดตามเก็บแล้วยึดคืน เพราะว่าสิ่งพิมพ์เหล่านี้เป็นสิ่งพิมพ์เถื่อน บางทีก็แอบอ้างลงชื่อปลอมๆ บางทีก็ไม่ใช่ชื่อจริงต้องสืบให้รู้ บางทีก็เป็นแผ่นปลิวเถื่อนนะครับระบาดทั่วไปหมด อาจก่อให้เกิดความแตกแยกกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาตินะครับ ฉะนั้นขอให้ชาวพุทธทั้งหลายได้ใช้ดุลยพินิจ พิจารณาอย่าเชื่อสิ่งพิมพ์เหล่านั้นนะครับ เพราะว่าทางราชการกำลังเก็บและติดตามอยู่นะครับ" นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง
ข้อความเท็จ ๗ "การบิดเบือนป้ายสีย่อมมีโทษทั้งทางโลกและทางธรรม" "กรณีการบิดเบือนกล่าวร้ายป้ายสีก่อให้เกิดการแตกแยกในหมู่ชาวพุทธ ต้องถือว่าการกระทำเช่นนี้เป็นบาปกรรมมากนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวร้ายป้ายสีไปถึงสมเด็จพระสังฆราช ไปถึงเจ้าคุณธรรมปิฎก นักปราชญ์เอกของพระพุทธศาสนากล่าวร้ายพระศรีปริยัติโมลี เจ้าคุณพระพยอม กัลยาโน และฆราวาสคนอื่นๆ ด้วย การกระทำเช่นนี้เป็นการผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง จะก่อให้เกิดการแตกแยกกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของพระพุทธศานา กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา กระทบกระเทือนตต่อศีลธรรมอันดีและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อยากจะเตือนผู้ที่ดำเนินการ ข้างต้นว่าอย่าทำเลยมันเป็นบาปกรรม กฎแห่งกรรมนี้ จะส่งผลร้ายต่อผู้กระทำเป็นอย่างมาก ด้วยความปราถนาดี ขอให้ยุติที่จะกระทำการชั่วร้ายเช่นนี้นะครับ" นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง ข้อแท้จริงทั้งสิ้นในส่วนนี้ได้นำเสนอไปแล้ว สามารถพิสูจน์ได้ในความเป็นจริง ปรากฏว่า นายอำนวย สุวรรณคีรี ไม่เคยที่จะนำข้อแท้จริงนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องลงโทษแก่ผู้ทำลายพระพุทธศาสนา อันเป็นสถาบันแห่งความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด กลับบิดเบือนกล่าวเท็จในทางตรงกันข้าม ชี้ให้เห็นถึงจิตใต้สำนึกที่พร้อมจะทำลายชาติ พระพุทธศาสนา พระมหกษัตริย์ได้ทุกเวลา ข้อแท้จริงทั้งสิ้นนั้น ท่านผู้อ่านสามารถทราบได้จากหนังสือ "เปิด โปงขบวนการล้มพุทธ" "พระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ" และ "ไวรัสศาสนา มหันภัยของชาวพุทธ" ข้อความเท็จ ๘ "เตือนการบิดเบือนใส่ร้ายเป็นการดูถูกความคิดประชาชน" "เมื่อเร็วๆ นี้มีสิ่งพิมพ์เถื่อนออกมาบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสี มีการตัดต่อแต่งเติมถ้อยคำที่ทำให้ประชาชนหลงผิดไปได้ ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจสันติบาลกำลังติดตามอยู่ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการหลอกลวงและดูถูกความคิดประชาชน หลอกลวงและดูถูกความคิดชาวพุทธ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนมีสติปัญญาสูงพอที่จะแยกแยะได้ เว้นแต่บางคนซึ่งหลงไหลไปแล้ว หรือมีวุฒิภาวะต่ำอาจจะหลงเชื่อไปบ้างแต่คิดว่าคงน้อยมาก หรือเกือบไม่มีเลย จึงอยากเป็นสติให้กับสังคมด้วยว่า การบิดเบือนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำลายความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและความมั่นคงของชาตินะครับ" นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง การร่วมมือให้การสนับสนุน ผู้ที่สร้างสัทธรรมปฏิรูปโดยการทำให้คลาดเคลื่อนจากพระไตรปิฎก นั้นถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับพระพุทธศาสนากระนั้นหรือ ข้อความที่ปรากฏในหนังสือทั้ง ๓ เล่มนั้น เขียนขึ้นจากหลักฐานทางราชการ และพยานหลักฐาน สาธารณะที่เป็นจริงทั้งสิ้นสามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้นจึงเป็นที่หวาดกลัวของ "ขบวนการล้มพุทธ" ที่ทำงานกลืนชาติ กลืนศาสนาที่กำลังกระทำการอยู่เป็นอย่างยิ่ง เพราะจะไม่สามารถหลอกลวงประชาชนไทยได้อีกต่อไปเมื่อความจริงถูกนำมาเปิดเผย ข้อความเท็จ ๙ "ราชการควรทำความจริงให้ปรากฏ" "ความจริงแล้วการบิดเบือนกล่าวร้ายที่เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนาอยู่ในขณะนี้นั้น ภาคราชการและส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก ทั้งประชาชนเองก็มีดุลยพินิจที่ดีงามไม่หลงเชื่ออยู่แล้ว แต่ว่าช่วงหลังรู้สึกว่าจะเหลิงและกระทำการหนักข้อ และแผ่ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงควรจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อคนจะได้ไม่หลงเชื่ออันเป็นการทำความจริงให้ปรากฏ และเป็นหน้าที่ของกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาให้ ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง ได้ฟังข้อมูลทั้งสองด้าน เพื่อเหตุการณ์ต่างๆ จะไม่ลุกลามบานปลายออกไปนะครับ" นำพิสูจน์ทราบข้อแท้จริง หน่วยราชการทั้งสิ้น ยังไม่ปรากฏหรือสามารถยืนยันใดๆ ได้ว่าสิ่งที่นำเสนอในหนังสือ "เปิดโปงขบวนการล้มพุทธ" "พระพุทธศาสนา ชะตาของชาติ" และ "ไวรัสศาสนา มหันตภัยของชาวพุทธ" เป็นข้อมูลเท็จ หรือใช้หลักฐานเท็จ แต่ปรากฏว่าทางราชการในส่วนของ กองทัพได้นำข้อมูลจากหนังสือทั้ง ๓ เล่มเพื่อใช้ในการตรวจสอบพฤติกรรมนักการเมือง องค์กรและกลุ่มบุคคลที่เคลื่อน ไหวทำลายสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในขณะนี้อีกด้วย |