รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกูล เจ้าของนามปากกา
"ชัยคุปต์" นักวิทยาศาสตร์ด้านฟิสิกส์ และนักเขียนด้านวิทยาศาสตร์ทั้งบทความวิชาการและนิยายวิทยาศาสตร์อาจจะถือได้ว่าเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียว
ที่ได้พบกับนักเขียนระดับโลกอย่างไอแซก อาซิมอฟ โดยตรง ดร.ชัยวัฒน์ได้เขียนบทความ
เรื่องนักเขียนมหัศจรรย์ ตีพิมพ์ในนิตยสารเสรีภาพ ของสำนักข่าวสารอเมริกันในปี
พ.ศ.2522 โดยได้เล่าถึงความประทับใจที่มีต่อการพบกันครั้งนั้นว่า
วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2520 ผมได้รับข่าวดี เจ้าหน้าที่ของทางการสหรัฐได้แจ้งให้ผมทราบว่า
"เราติดต่อศาสตราจารย์ ไอแซก อาซิมอฟ ได้แล้ว ท่านยินดีจะให้คุณพบในวันที่
16 พฤศจิกายน (พ.ศ.2520) เวลาประมาณ 11.00 น. ที่อพาร์ทเมนต์ของท่านในนิวยอร์ก"
ผมไปถึงอพาร์ทเมนต์ของ ดร. ไอแซก อาซิมอฟ ที่อาคารเลขที่ 10
ถนนสายที่ 66 เขตตะวันตก 10 (10 W) ก่อนเวลานัดหมายประมาณ 15
นาที....เมื่อผมก้าวออกมาจากลิฟต์ที่เปิดออกสู่อพาร์ทเมนต์ของอาซิมอฟ รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับนักเขียนระดับโลก
ผมรู้สึกจะคุ้นกับใบหน้าของชายที่กำลังยิ้มต้อนรับผมอย่างดีจากหน้าหนังสือและวารสารต่างๆ
มาก่อนแล้ว
ศาสตราจารย์ ไอแซก อาซิมอฟ เป็นคนร่างสันทัด ค่อนข้างสมบูรณ์
แต่ไม่ใช่คนอ้วน ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับชาวอเมริกันทั่ว ๆ ไป สำหรับคนรัสเซียเอง
ผมไม่คุ้นเคยนัก จึงไม่ทราบว่า คนรัสเซียโดยทั่ว ๆ ไป มีรูปร่างสูงใหญ่หรือไม่อย่างไร
แต่ศาสตราจารย์นักเขียนผู้นี้ เรียกได้ว่า เป็นคนที่มีรูปร่างไม่ใหญ่โตนักเลย
สิ่งที่สะดุดตาสะดุดใจของผมมากที่สุดคือใบหน้ามีเครายาวสองข้าง ซึ่งวาดได้ด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับโลกและที่สำคัญยิ่งก็คือ
ดวงตาทั้งสองของท่านฉายแววแจ่มใส แสดงออกถึงความรอบรู้ มองเห็นการณ์ไกล และลึกซึ้ง
"ผมเช่าอพาร์ทเมนต์ชั้นนี้หมดทุกห้อง"
ศาสตราจารย์นักเขียนพูดกับผม เมื่อนำผมเดินไปเกือบถึงมุมสุดทางซ้ายมือจากลิฟต์ เมื่อถึงห้อง ๆ หนึ่งซึ่งเปิดอยู่แล้ว ศาสตราจารย์ ไอแซก อาซิมอฟ ก็เชิญให้ผมเข้าไปในห้อง ผมก้าวเข้าไปในห้องค่อนข้างใหญ่ซึ่งคงจะเป็นทั้งห้องรับแขกและห้องทำงาน
"นั่นเป็นห้องทำงานของผมอีกห้องหนึ่ง"
ศาสตราจารย์นักเขียนชี้ให้ผมดูห้องถัดไป ซึ่งเปิดติดต่อกับห้องรับแขก แลเห็นเครื่องพิมพ์ดีดและหนังสือ ก่อนที่จะเชิญให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้นวมเบาะหนาสบาย
ผมมองไปรอบ ๆ ห้อง
หนังสือ
หนังสือทุกหนแห่ง
จนกระทั่งผมรู้สึกตัวลีบเล็กเมื่อมองดูชั้นและตู้หนังสือที่อยู่รอบตัวแน่นเต็มและสูงเกือบถึงเพดานห้อง
แล้วศาสตราจารย์ ไอแซก อาซิมอฟ ก็เริ่มถามผม
งานของผม
ความสนใจของผม
วัตถุประสงค์ของการเยือนสหรัฐ
และท่านจะช่วยอะไรผมได้บ้าง เพียงไม่กี่นาทีที่ศาสตราจารย์ไอแซก อาซิมอฟ
พูดกับผม ผมรู้สึกสบายใจและเกิดความคุ้นเคย กับท่านอย่างประหลาด นี่เองเป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของศาสตราจารย์นักเขียนผู้ประสบความสำเร็จแล้ว
ยิ้มง่าย
อารมณ์ดี
ไม่ถือตัว
ผิดกับผู้(ยิ่ง)ใหญ่บางท่าน หรือผู้ที่คิดว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว
บางท่านที่ผมเคยพบ ซึ่งมักจะวางมาดอย่างที่คิดว่า โก้และสมศักดิ์ศรีที่(คิดว่า)มี
"ผมขอเริ่มโดยการถามท่านศาสตราจารย์เกี่ยวกับชื่อของท่านครับ"
ท่านศาสตราจารย์นักเขียนผงกศีรษะรับคำว่าตกลง ผมจึงพูดต่อ
"คือว่า
มีหลายคนสงสัยว่า ชื่อตัวแรกของท่านที่เขียน ISAAC นั้น
ออกเสียงอย่างถูกต้องเป็นอะไรแน่ครับ ไอแซก หรือ อิแซก
ศาสตราจารย์นักเขียนยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"ก็ได้ทั้งสองอย่าง คือ ถ้าอ่านตามภาษารัสเซียก็ต้องเป็น อิแซก แต่ในอเมริกานี้และส่วนอื่นๆ
ของโลกเขาเรียกผมว่า ไอแซก ทั้งนั้น"
ผมโล่งใจ เพราะไม่แน่ใจมาก่อนเหมือนกันว่า ที่เรียกชื่อของท่านมาตลอดว่า
ไอแซก นั้นถูกต้องหรือไม่
"ตอนนี้ ท่านเขียนหนังสือมาแล้วกี่เล่มครับ"
"189 แล้ว"
ผมสะดุ้ง ผมทราบมาก่อนแล้วว่า งานเขียนของท่านมีมากมายเหลือเกิน แต่ก็นึกไม่ถึงว่างานเขียนที่พิมพ์เป็นเล่มของท่าน จะมีมากจะมีมากปานนั้น ผมถามว่า ท่านมีบัญชีรายชื่อหนังสือของท่านที่พิมพ์เป็นเล่มหรือไม่ ท่านบอกว่า มี แล้วขอตัวหายไปครู่หนึ่ง เมื่อกลับเข้ามา ก็ยื่นแผ่นกระดาษโรเนียวรวม 7แผ่นให้ผม ผมรับมาดู ในแผ่นกระดาษเหล่านั้นมีประวัติชีวิต และผลงานสั้นๆของท่านศาสตราจารย์นักเขียนและบัญชีรายชื่อหนังสือ 158 เล่ม ระบุด้วยว่าท่านมีผลงานเป็นบทความหรือข้อเขียนประเภทสั้น อีกหลายร้อยชิ้น หลายร้อยเรื่อง
ศาสตราจารย์นักเขียนกล่าวในขณะที่ผมกำลังอ่านว่า "ในบัญชีนั้นมี 158 เล่ม ซึ่งนับถึงเดือนมกราคม พ.ศ.2518 แต่เดี๋ยวนี้ได้เพิ่มเป็น 189 เล่มแล้ว" ผมมั่นใจว่า กว่าที่ข้อเขียนของผมชิ้นนี้จะถูกตีพิมพ์ถึงมือท่านผู้อ่าน จำนวนหนังสือที่ศาสตราจารย์ ไอแซก อาซิมอฟ เขียนต้องเกือบถึง หรือถึง 200 เล่มเข้าไป...และก็จะไม่เป็นที่น่าประหลาดใจเลย ถ้าจะเกิน 200 เล่มไปแล้ว
"ท่านมีผลงานมากมายอย่างนี้ได้อย่างไรครับ?"
"ผมทำงานเขียนหนังสือทุกวันตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น
และทำเจ็ดวันต่อสัปดาห์"
ผมดีใจที่ได้ทราบว่า ท่านนักเขียนเอกคนหนึ่งของโลกต้องทำงานหนักอย่างสม่ำเสมอจึงได้มีผลงานมากมายและมีคุณภาพเช่นนั้น
เพราะผมไม่เชื่อในสิ่งมหัศจรรย์ที่จะช่วยดลบันดาลให้ผู้คนประสบความสำเร็จ
มีผลงานมากมาย โดยอาศัยแต่เพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โชคชะตาหรือดวง
แต่บางคน
ดังเช่น ไอแซก อาซิมอฟ
อาจจะเรียกว่า เป็นคนโชคดีในแง่ที่ทำงานหนักกับงานที่ชอบที่พอใจ
และมีความสุขกับงาน ความสุขของผมคือการเขียนหนังสือถ้าผมไปที่ไหนไกลๆ โดยไม่มีเครื่องพิมพ์ดีดผมจะไม่มีความสุข
เพราะเสมือนกับขาดสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตไปอย่างหนึ่ง
ผมนึกได้ว่าเคยอ่านอะไรทำนองนี้
เกี่ยวกับศาสตราจารย์นักเขียนท่านนี้
"ตอนนี้ ท่านกำลังเขียนหนังสืออะไรอยู่ครับที่จะถือได้ว่าเป็นงานใหญ่"
"ผมกำลังเขียนอัตประวัติของผมเองซึ่งจะมีความยาวประมาณครึ่งล้านคำ"
"ท่านคิดว่า ในชั่วชีวิตของท่านจะเขียนหนังสือสักกี่เล่มครับ?"
ศาสตราจารย์ ไอแซก อาซิมอฟยิ้ม
"ก็แล้วแต่ว่า ผมจะมีอายุยืนยาวสักแค่ไหน
ถ้าผมมีอายุถึงร้อยปี
ผมอาจจะเขียนหนังสือถึงพันเล่มก็ได้
"
ท่านพูดทีเล่นทีจริง
แต่ผมเชื่อ!
"ระหว่างการเขียนนิยายกับการเขียนเรื่องทางวิชาการ ท่านชอบอะไรมากกว่าครับ?"
ผมถาม
"ผมชอบเขียนเรื่องทางวิชาการมากกว่า แต่โรงพิมพ์ดูจะต้องการให้ผมเขียนแต่นิยายให้มากๆ
"
"หนังสืออะไรของท่านที่ขายดีที่สุดครับ?" ผมถามต่อ
"ชุด foundation"
นั่นคือเหตุการณ์เมื่อปี 2520
นับจากนั้นต่อมาอีกกว่า 10
ปี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลง อาซิมอฟได้ผลิต ผลงานทั้งนิยายวิทยาศาสตร์ และบทความวิชาการออกมาอีกมากมาย
อาซิมอฟเขียนชุด ELIFJAH BALEY ซึ่งเดิมมีเพียงภาคเดียว
THE CAVE OF STELL ออกมาอีก 3 เล่มได้เป็น 4 เล่มจบในชุดนี้ เขาได้รวบรวมชุดเรื่องสั้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์นับจาก
I, ROBOT ออกมาอีก 2 เล่มคือ THE
REST OF ROBOTS และ THE COMPLETE ROBOT
เขาได้รวบรวมงานเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ของนักเขียนอื่นๆ ออกมาเป็นหมวดหมู่หลายเล่ม
เล่มเด่นที่สุดคือ TV 2000 เป็นการคิดสรรค์ร่วมกับชาร์ล
จี วอจซ์ และมาค์ติน กับแฮรี กรีนเบิร์ก ซึ่งชี้ให้เห็นถึง อิทธิพลของโทรทัศน์ต่อสังคมอนาคต
ก่อนที่จะเสียชีวิตเขาได้ได้เสร็จงานเขียนร่วมกับ โรเบิร์ต
ซิลเวอร์เบิร์ก โดยการนำเรื่องสั้นขนาดยาวเรื่อง THE
BICENTENIAL MAN มาขยายเป็นเรื่องยาวในชื่อ THE
POSITRONIC MAN เป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ที่พยายามผลักดันตนเองขึ้นมาเพื่อเป็นมนุษย์
ถึงแม้อาซิมอฟได้ลาโลกนี้ไปแล้ว
แต่มรดกทางความคิดของเขายังคงได้ รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นิยายวิทยาศาสตร์เรื่องเด่นๆ
ของเขายังคงมีการพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย รวมทั้งในภาคภาษาไทยด้วยความตั้งใจในการผลิตงานนิยายวิทยาศาสตร์ชุดนี้นอกจากจะเป็นการตอบสนองต่อความต้องการ
ที่จะกระตุ้นการอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ในบ้านเราแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเตือนให้นักอ่านนึกถึงคุณค่าทางวรรณกรรม
และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลทางด้านอนาคตศาสตร์ของนักเขียนมหัศจรรย์ผู้นี้
ไอแซก
อาซิมอฟ
รักและปรารถนาดี
ณัฐ ศาสตร์ส่องวิทย์