การบรรยายในช่วงบ่าย


สรุปใจความข้อบรรยายของ อาจารย์ประภาศรี เทียนประเสริฐ
ตำแหน่ง อาจารย์ร.ร.สตรีวิทยา เคยเป็นนักเขียนเรื่องสั้น และสารคดี ในนิตยสารสตรีสาร และนิตยสารสกุลไทย

    อาจารย์ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำงานเขียนไว้คือ
- ให้ทำตอนดึกสงัด
- เมื่อเจอเข้ากับอะไรก็ตามให้จดไว้ "เป็นข้อมูลสำหรับใช้ในวาระอื่น"
- อย่าท้อถอย ให้อดทนกับการรอคอยการลงตีพิมพ์ และอดทนต่อการถูกวิจารณ์
- ก่อนเขียนต้องตั้งแนวไว้ว่าเราจะเขียนให้ใครอ่าน เพศไหน วัยไหน กลุ่มไหน เพราะว่าจะได้ใช้ภาษาให้ตรง แต่พยายามอย่าใช้ภาษาวิบัติ การสะกด การแบ่งวรรคตอน การผูกประโยค การจัดย่อหน้าต้องให้ถูกต้อง
[ตรงนี้ผมทั้งเห็นด้วยในแง่ความจำเป็นของหลักภาษา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เห็นด้วยเพราะพบนักเขียนท่านอื่นๆอีกมาก ที่แม้เขียนไม่ตรงตามหลักมากนัก-แต่ก็ทำให้เรื่องสนุกได้---จาก DigiTaL-KRASH!!!]
- ต้องวางจุดประสงค์ของการเขียนว่าจะให้อะไรกับผู้รับ
- นักเขียนต้องเป็นคนช่างสังเกต ช่างจดจำ ต้องเป็นนักอ่าน และต้องสร้างสรรค์
- ถ้าจะเขียนเรื่องใดต้องมีประสบการณ์เรื่องนั้นจริงๆ [ตัวอย่างเช่นงานของเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ และงานของเสกสรรค์ ประเสริฐกุล เป็นตัวอย่างได้ดีในกรณีนี้---จาก DigiTaL-KRASH!!!]
- ต้องแสวงหา ต้องมีเจตคติที่ดีต่อข้อเขียนทุกชนิด อ่านหนังสือทุกประเภท
- การเริ่มเรื่อง ปกติเป็นขั้นตอนที่ทำได้ยาก แต่ถ้าเริ่มได้แล้วจะดำเนินไปตลอด
- การลำดับความคิดและวิธีการถ่ายทอดก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เช่นถ้าเป็นนิยายและเรื่องสั้นที่เขียนให้วัยรุ่นอ่านก็ต้องใช้ประโยคสั้นๆไม่ซับซ้อน
และอาจเกินชีวิตจริงไปบ้าง
- การเดินเรื่องต้องนึกถึงหลักทางจิตวิทยา เช่นต้องสลับกันพูดไม่ใช่ให้ใครคนหนึ่งพูดคนเดียว ต้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้นๆ
และการบรรยายถึงตัวละครต้องทำให้ผู้อ่านสามารถสร้างภาพได้ ให้จินตนาการออกว่าคนๆนั้นเป็นอย่างไร



สรุปใจความข้อบรรยายของ อาจารย์นงลักษณ์ บำเพ็ญอยู่
ตำแหน่ง สอนร.ร.นนทรีวิทยา จบการศึกษาจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    อาจารย์ให้ไอเดียของการหา "จุดเริ่ม" ของความคิดไว้อย่างน่าสนใจ อาจารย์เสนอว่าให้เราเริ่มจาก "สิ่งเล็ก" เช่น เม็ดมะม่วงเม็ดหนึ่ง หรือเข็มเล่มหนึ่ง แล้วก็เขียนขยายความออกมาจากสิ่งๆนั้น เขียนทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับมันในมุมมองและประเด็นต่างๆ อาจารย์เน้นเช่นเดียวกัน ว่าควรใช้ภาษาที่ง่าย กระชับไม่วกวน เขียนอะไรให้ชัดเจนและกล่าวว่าขั้นตอนการเขียนที่อาจารย์เห็นว่า กระทำได้ยากที่สุดคือการเริ่มเรื่อง และการจบเรื่อง

    อาจารย์กล่าวเน้นต่อไปว่า "คนเขียนหนังสือ เป็นคนที่นำความคิดไปให้คนอื่นทราบ ดังนั้นต้องแทรกคุณธรรมและความคิดสร้างสรรค์ด้วย"

    อาจารย์สรุปจบไว้เกี่ยวกับการหาไอเดียมาเริ่มเขียนเป็นเรื่องว่า เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เรื่องที่ดูเหมือนจะพื้นๆหรือไร้สาระ หรือการที่เราสะดุดอะไรสักนิดหนึ่ง---ประเด็นเล็กๆ หรือฟังใครเล่าเรื่องอะไรมา   ให้จับเอาไว้ เพราะสามารถนำมาเขียนเป็นเรื่องได้ทั้งสิ้น



สุดท้ายนี้กระผมคงต้องขอกราบขอบพระคุณวิทยากรทุกท่าน ที่ได้กรุณาสละเวลามาบรรยายให้กับผู้เข้าร่วมฟังสัมมนาในวันนั้น ซึ่งเนื้อหาในการบรรยายที่ถ่ายทอดออกมาจากประสบการณ์ของทุกท่านมีประโยชน์ต่อกระผมมาก จึงขออนุญาตไว้ ณ ที่นี้เพื่อนำเอาใจความสำคัญที่กระผมจับได้ และจดเอาไว้ มาถ่ายทอดให้ผู้ที่สนใจในงานเขียนท่านต่างๆที่อาจแวะเวียนผ่านเข้ามาอ่านในนี้ ได้รับทราบเพื่อเป็นประโยชน์ในกาลต่อไป หากมีบางส่วนที่กระผมจดตกหล่น หรือไม่ได้จด(สำหรับวิทยากรบางท่าน) ก็ขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ หวังว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่กระผมนำมาถ่ายทอด คงจะทำประโยชน์ให้กับสาธารณชนได้ตามสมควร

                                                                                                                                                    ด้วยความนับถือ
                                                                                                                                                    DigiTaL-KRASH!!!

กลับไปยังเมนูหลัก
1