ค-ว-า-ม-เ-ชื่-อ
                                                                                                                                         แต่งโดย พลากร อพันธกรณี
                                                                                                                                         เรียบเรียงโดย DigiTaL-KRASH!!!
(ตีพิมพ์ในวารสารอัพเดท บริษัทซีเอ็ดยูเคชัน(มหาชน) ปีที่10  ฉบับที่ 116 กุมภาพันธ์ 2539)

         ผมมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งจะบอกเล่าให้คุณฟังเรื่องนี้ ผมไม่ได้หวังให้ดีเด่นอะไรนัก และมันอาจจะไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์แต่ที่แน่ๆ มันเป็นเรื่องสั้น  ซึ่งไม่ได้หวังว่าจะต้องซาบซึ้งกินใจเหมือน
นิยายน้ำเน่า และก็ไม่ได้หวังให้คุณเชื่อ  คุณอาจคิดว่านี่คือเรื่องเหลวไหลไร้สาระ แต่ในความมีสาระใดๆย่อมต้องมีความไร้แก่นสาร   ในทางตรงข้าม ณ จุดที่ไร้ซึ่งเหตุและผลย่อมต้องมี
เนื้อหาของตัวมันเองเช่นกัน.....เรื่องมีอยู่ว่า..............

     ในเย็นวันหนึ่งขณะกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด(ที่ไม่ได้คิดอะไรมากไปไกล
กว่าเรื่องในชีวิตประจำวัน ห้องสมุด และวิชาเรียนในมหาวิทยาลัย)ทันใดนั้นเหมือนกับมีอะไรบางอย่าง
ที่ทำให้ความคิดของผมไปสะดุดเข้ากับเรื่องๆหนึ่งที่เคยอ่านพบในนิตยสารฉบับหนึ่งของฝรั่ง คนเขียนคนนั้นตั้งคำถามขึ้นมาว่าคนเราจะพบโชคร้ายมากขึ้นจริงหรือในวันศุกร์(สุดอับโชค)ที่ 13 หรือเป็นเพราะคนเชื่ออย่างนั้นจริงๆ จากนั้นเขาก็พล่ามต่อถึงผลการศึกษาวิจัยของเขาอีกยืดยาว

     ประเด็นอยู่ที่ว่า ถ้าคนเรามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในสิ่งหนึ่ง  สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับคุณจริงๆหรือไม่ เรากำลังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นสามารถอธิบายได้ด้วยเหตุและผล-เหตุผลทาง
วิทยาศาสตร์........ศาสตร์ที่ทำให้สภาพรอบข้างและโลกนี้เป็นอย่างที่มันเป็น....เป็นอย่างที่คุณ...ผม... และใครๆคุ้นเคยกันอยู่ในทุกวันนี้
    แต่  จากหลักของความน่าจะเป็นแล้ว  สิ่งที่ไม่น่าจะเกิด มันก็อาจเกิดขึ้นได้สิ่งที่ดูแล้วเหลือเชื่อ ก็อาจจะเป็นไปได้ในบางครั้ง....อนาคตคือเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นและอาจเกิดขึ้นได้ในแนวทางต่างๆที่ใครล่ะ จะเป็นผู้กำหนด.....
      เป็นไปได้ไหม ? ที่เหตุการณ์มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นไปตามความคิดความเชื่อมั่นของคนหมู่มาก ที่มีพลังหรือน้ำหนักมากกว่าคนส่วนน้อย แล้วส่งผลต่อความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ต่างๆโดยรวม ตลอดจนชักนำให้เกิดขึ้นจริงๆในสภาพกาล-อวกาศที่เราอาศัยอยู่นี้

     ความเชื่อ ความเชื่ออย่างแรงกล้า?

            คำถามนี้ยังวนเวียนอยู่ในสมองของผมตลอดเวลา......ความเชื่อที่ว่ายังมีโลกอีกโลกหนึ่งที่ๆสิ่งที่
เราเชื่อเกิดขึ้นจริง โลกที่เกิดขึ้นจากจินตนาการแต่มีตัวตนให้สัมผัสได้ โลกที่ซ้อนกันอยู่กับโลกของเรา สถานที่ที่ทุกอย่างเป็นไปได้....ที่ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตรรกะ เหตุผล และความรับรู้อย่างสามัญ...

    หลังจากนั้นผมจึงเริ่มพิสูจน์ ผมเริ่มครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องต่างๆที่เหลือเชื่อ...    เหตุการณ์ประหลาดที่เคยเกิดขึ้นและมีผู้บันทึกเอาไว้ เช่น รถ เรือ เครื่องบิน แม้แต่บุคคลที่เคยหาย
สาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยในสถานที่ต่างๆของโลก
 
     เป็นไปได้ไหมที่ว่าทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ในโลกนี้ต่างก็เป็นสมาชิกของเซตอันเดียวกัน  กล่าวคือเซตของความมีอยู่จริง และถ้าสถาวะความเป็นจริงของใครหรืออะไรก็ตามเริ่มเปลี่ยนไปจากที่ควรจะ
เป็น เขา หรือ สิ่งนั้น ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ "ไม่จริง" สำหรับโลกปกติและจำต้องกลายเป็นสมาชิกของเซตอื่น ที่เข้ากันได้ดีกว่าคือมีปัจเจกสภาวะ "เป็นจริง" เช่นเดียวกับจำนวนจินตภาพไม่ได้รวมอยู่ ในเซตของจำนวนจริงนั่นเอง โดยที่ในระหว่างที่ คน หรือ สิ่งต่างๆเหล่านั้นกำลังจะค่อยๆหายไป ค่าองศาการเป็นสมาชิกของเขาจะอยู่ระหว่าง 0 กับ 1 ในขณะนั้นอาจเรียกมิติที่เขาอยู่ว่า fuzzy world ก็เป็นได้ และกระบวนการ "หายไป" ของคนๆนั้นอาจเป็นกระบวนการที่ย้อนกลับได้หากเขามีความเชื่อเพียงพอ ว่าเขา --เป็น-- หรือ --ไม่เป็น-- สมาชิกของระนาบมิติกาลเวลาที่เขาอาศัยอยู่นั้นๆ....หรือว่าในทางกลับกัน...สิ่งต่างๆ ที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่มีอยู่จริงจะเลือนหายไปจากโลกของเรา   รวมทั้งสิ่งที่เราเชื่อว่ามีอยู่จริง ...ก็อาจจะมีตัวตนดำรงอยู่ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งไม่อาจมีใครทราบได้.......

     หลังจากนั้นผมยังคิดต่อไปอีกถึงข้อพิสูจน์ต่างๆทางคณิตศาสตร์ที่ผิดและไม่อาจเป็นไปได้ตามหลักตรรกะ
ดังเช่นตัวอย่างง่ายๆของสมการต่อไปนี้
                    X=5 , ----->    10+8X = 15+7X
                        10+8X-2X 2  = 15+7X-2X 2
                      (2+2X)(5-X) = (3+2X)(5-X)
                             2+2X = 3+2X
                         ดังนั้น   2 = 3 !?!?!?

            ............นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งในหลายเรื่องที่ผมคิดเท่านั้น..........
     ผมเห็นแล้วล่ะว่าคุณอาจไม่เชื่อ....ก็ถูกของคุณ...มันเป็นการพิสูจน์ที่ผิด-ผิดจากคำนิยามที่โลกนี้ เป็นผู้กำหนดให้ แต่ผมก็ได้คิดทบทวนปัญหาพวกนี้ต่อไปอย่างหนัก จนในที่สุดผมก็เริ่มเชื่อ.......................
..............ผมได้ค้นพบ...................

     คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าผมพบอะไรเข้าที่นั่น

แต่จงเชื่อเถอะว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องหนึ่งในอีกไม่กี่เรื่องสุดท้ายที่คุณจะมีสิทธิ์ได้อ่าน ในเวลาอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้เพราะหลังจากเขียนเรื่องนี้เสร็จแล้วตัวผมและผู้ใดก็ตามที่ผ่านมาพบ และได้อ่านเรื่องนี้จะค่อยๆถูกกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นตลอดไป....

        ตัวคุณในตอนนี้รวมทั้งเรื่องราวของตัวคุณด้วย....จะหายไปจากความทรงจำของผู้คน ที่อยู่รอบข้างคุณทีละน้อย... กลายเป็นเพียงความฝันที่เลือนลางของใครบางคนที่กำลังจะตื่นเท่านั้น.......

     ทำไมนะหรือ.....

    ก็เพราะว่า........... ผมเชื่อ
 =======================================================================
บันทึกผู้เรียบเรียง:   ผมพบกระดาษแผ่นนี้แนบอยู่กับบัตรประจำตัวนิสิตของใครคนหนึ่งสอดอยู่ใน
ตำราเรียนเก่าๆที่ยืมมาจากห้องสมุดของคณะวิทยาศาสตร์ขณะกำลังนั่งลงอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่ใต้ถุนของตึก แถบ นีละนิธิ ในเย็นวันหนึ่ง ของฤดูหนาวปีพ.ศ. 2536 ขณะเรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย.........
....ดูจากรหัสประจำตัวนิสิต....29XXXXX.....เขาเป็นรุ่นพี่ของผมอยู่หลายรุ่น ส่วนกระดาษต้นฉบับของเรื่องนี้นั้นเก่าเก็บจนเหลืองด้วยกาลเวลา ขอบกระดาษก็มีลักษณะเปี่อยยุ่ย  คงมีหลายคนที่เคยเปิดอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อน คนที่เคยอ่านคงจะนึกขันและใส่มันกลับเข้าไป
ในหนังสือให้รุ่นน้องมาอ่านกันต่อไปแต่จะมีใครนึกบ้างไหมว่ามีสักกี่คนแล้วที่ค่อยๆหายไปจากความทรงจำ ของผู้คนรอบข้าง และหายไปจากที่ๆคุณและผมอาศัยอยู่ในเวลานี้

    หลังอ่านจบ......ความที่ผมเป็นแฟนหนังสือมิติที่4 รู้รอบตัว และอัพเดทมาช้านาน จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเรื่องนี้ มาให้เพื่อนๆนักอ่านได้อ่านกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ส่งเรื่องมาตีพิมพ์  ถูกหรือไม่ที่อาจดึงคนอื่นๆเข้ามาร่วมชะตากรรมเดียวกับที่ตนเองจะต้องประสบ

             แต่มีแรงผลักดันบางอย่างจากภายในที่ทำให้ผมต้องทำแบบนี้

             แล้วคุณรู้ไหม  หลังจากอ่านเรื่องนี้จบแล้วผมก็เริ่มเชื่อ....
 
                                                                                                                                DigiTaL-KRASH!!!
                                                                                                                                 21 สิงหาคม 2538
 
หมายเหตุุ: ค่าองศาการเป็นสมาชิก เป็นค่าของฟังก์ขันการเป็นสมาชิกของเซตฟัซซี่(fuzzy membership function) ซึ่งเป็นเซตที่มีขอบเขตไม่ชัดเจน ตามทฤษฎีฟัซซี่ลอจิก ซึ่งดร.Lotfi A. Zadeh นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอเมริกัน ที่มหาวิทยาลัย Berkeley รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นผู้คิดค้นขึ้น ถ้าสนใจ คุณสามารถอ่านรายละเอียดในเรื่องนี้เพิ่มเติมได้จาก
- นพจุติ วิริยะกุล.ฟัซซี่ลอจิกเทคโนโลยี่สร้างเครื่องจักรให้เป็นคน. รู้รอบตัว  7 (สิงหาคม 2535)  :38-44
- Kosko,B.  Fuzzy thinking:The new science of fuzzy logic .NewYork: Hyperion,1993.
 และถ้าจะอภิปรายปัญหาทางฟัซซี่ลอจิกกับ Zadeh โดยตรง   สามารถ
ติดต่อทางอินเตอร์เน็ตได้โดยส่งจดหมายอิเลกทรอนิกส์ไปที่ e-mail: zadeh@cs.berkeley.edu
 หรือติดตามอ่านความเคลื่อนไหวของวงการฟัซซี่ลอจิกได้ในกลุ่มข่าว com.ai.fuzzy ในยูสเน็ต
จากศูนย์บริการอินเตอร์เน็ตที่คุณเป็นสมาชิกอยู่



    อธิบายเรื่องเพิ่มเติม                                                            โดยดิจิตอล เดี้ยง ผู้แต่ง
        เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นเรื่องแรกในชีวิตของผม และเป็นเรื่องแรกที่ผมแต่งขึ้นด้วยครับ ในขณะที่เรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ใหม่ๆ มักจะมีคำถามมากมายจากผู้อ่านว่าทำไมผมจึงมีชื่อเป็น "ผู้เรียบเรียง" ขณะที่ นายพลากร อพันธกรณี เป็นผู้ประพันธ์.....ผมไม่ได้แต่งเองหรือ.....หรือคัดลอกโน๊ตของใครเขามา....

    เรื่องมีอยู่ว่า ผมเกิดความคิดเรื่อง fuzzy world นี้ขึ้น ประจวบกับเกิดไอเดียที่จะสมมติตัวเองเป็น "ตัวละคร" เดินเรื่องอีกตัวหนึ่งในเรื่องนี้ด้วยโดยสมมติให้ "ตัวผมเอง" เป็นผู้เล่า---ว่าตัวเองไปพบกับโน๊ตของนายพลากร สอดอยู่ในหนังสือ text book เล่มหนึ่ง แล้วนำมานั่งเล่าเรื่องให้ผู้อ่านฟัง.......ก็เหมือน tale fromthe crypt หรือภาพยนตร์เรื่องไททานิก นั่นแหละครับคือจะมีตัวละครตัวหนึ่งเป็นผู้เล่าและตัวคนๆนั้น ก็อยู่ในเรื่องเองด้วยเช่นกัน....
    ดังนั้นถึงตอนนี้แล้วก็อย่า งง นะครับ นายพลากร อพันธกรณีเป็นตัวละครที่ผมสมมติขึ้นมาเท่านั้นเอง เพื่อให้ตัวละครอีกตัวคือตัวผม เป็นผู้เอาเรื่องราวของตัวเขามาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง.....
 
.....หึ.....
 
  ไม่แน่นะครับ....ลองก้มลงดูที่มือทั้งสองข้างของคุณสิ......ตอนนี้มันอาจจะเริ่มลางเลือนลงบ้างแล้วก็เป็นได้
...เพราะคุณได้อ่านเรื่องนี้เข้าเสียแล้ว....มาสิครับ ผมจะรอคุณอยู่ที่นั่น....

 ที่โลก ฟัซซี่เวิร์ลด์....................................................

กลับสู่เมนูหลัก
1